นราธิวาส - นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่อำเภอบาเจาะเพื่อมอบโฉนดที่ดินแก่ประชาชน แก้ปัญหาการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดีที่ทับซ้อนที่ดินทำกินของประชาชน
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.40 น. นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสุธี เธียรกัลยารองอธิบดีกรมที่ดิน พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางมายังที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อมอบโฉนดที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดีให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.บาเจาะ ทั้งสิ้น จำนวน 300 แปลง โดยมี นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ พร้อมด้วยข้าราชการ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่ อำเภอบาเจาะ จ.นราธิวาส ร่วมให้การต้อนรับกว่า 1,500 คน
สำหรับโฉนดที่ดินที่มอบให้แก่ประชาชนชาวอำเภอบาเจาะในวันนี้ เป็นโฉนดที่ดิน ที่ทางกรมที่ดินได้ตรวจสอบและออกเอกสารเพื่อคืนสิทธิให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสืบเนื่องจากปัญหาการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี ที่ทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยในส่วนของจังหวัดนราธิวาสมีพื้นที่ที่ประสบปัญหา 7 อำเภอ 21 ตำบล 79 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบมากว่า 60,000 คน ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานในเชิงประวัติศาสตร์ ปรากฎผลชัดแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าวประชาชนได้ครอบครองและทำกินอยู่ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นเขตอุทยาน ดังนั้นทางกรมที่ดินจึงได้เร่งรัดตรวจสอบและออกเอกสารสิทธิให้แก่ประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
การดำเนินการของอำเภอบาเจาะ ถือเป็นการนำร่องในการแก้ปัญหาโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากที่ดินทำกินได้เช่นเดิม และจากนี้จะได้นำแนวทางในการแก้ปัญหาของอำเภอบาเจาะไปเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่อีก 6 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งประกอบด้วย อำเภอยี่งอ ระแงะ สุไหงปาดี เจาะไอร้อง สุคิริน และอำเภอรือเสาะ ตลอดจนแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลา และปัตตานี ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ต่อไปด้วย
