สุราษฎร์ธานี - “องค์การอาหารและยา” ออกโรงเตือนผู้บริโภคน้ำมะนาวเทียม ไม่ปลอดภัย อาจเป็นโรคท้องร่วง เหตุมีปริมาณกรดซิติกสะสมสูง หลังมีผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนมาก หันมาใช้แทนน้ำมะนาวธรรมชาติ เหตุมะนาวผลปรับราคาแพงขึ้น
ภญ.อังคณา ศรีนามวงศ์ เภสัชกรเชี่ยวชาญ หัวหน้ากลุ่มงานคุมครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้มะนาวธรรมชาติมีราแพงมาก ผู้ประกอบการร้านอาหารนิยมนำน้ำมะนาวเทียม หรือน้ำมะนาวสังเคราะห์มาใช้ผสมอาหารแทนน้ำมะนาวจากธรรมชาติ ซึ่งน้ำมะนาวเทียม
ส่วนใหญ่ผลิตมาจากกรดซิตริก หรือเรียกว่ากรดมะนาว ซึ่งเป็นกรดผลไม้ มีอยู่ในส้มหรือมะนาวโดยการใส่สี และปรุงแต่งให้ดูเหมือนน้ำมะนาวแท้ น้ำมะนาวเทียมหรือน้ำมะนาวสำเร็จรูปที่ผลิตออกจำหน่ายจะมีการบรรจุใส่ขวด หรือถุงพลาสติกรัดยาง แต่ผู้ผลิตบางราย มีการผลิตที่ไม่ถูกต้องและไม่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค จากการสุ่มตรวจตัวอย่างพบว่า น้ำมะนาวเทียมชนิดบรรจุถุงพลาสติกรัดด้วยยางมีกรดซิติก 9-10% มากกว่าน้ำมะนาวแท้ ซึ่งน้ำมะนาวแท้จะพบกรดซิติกเพียง 7.1%
ทั้งนี้ หากผู้บริโภครับประทานน้ำมะนาวเทียมที่มียีสต์ รา และกรดซิตริก มากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และท้องเสียได้ จึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำมะนาวเทียมที่ผลิตจากสารเคมี
ดังนั้น ควรหันมาใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีรสเปรี้ยวอื่นๆ แทน เช่น มะขามเปียก มะดัน ตะลิงปิงจะปลอดภัยกว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมะนาวเทียมควรเลือกซื้อชนิดที่บรรจุขวด และมีฉลาก อย.และควรใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าน้ำมะนาวแท้
ขณะที่ราคาผลมะนาวในตลาดสดเทศนครสุราษฎร์ธานี ขนาดเล็ก 3 ลูก 10 บาท ขนาดกลาง ลูกละ 5 บาท ขนาดใหญ่ 8-10 บาท น้ำมะนาวคั้นขวดละ 200 บาท ส่วนน้ำมะนาวเทียมขวดละ 25 บาท