สุราษฎร์ธานี- “ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี” กำหนด 7 มาตรการ หยุดยั้งผู้บุกรุกแผ้วถางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง พร้อมจัดทำโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ถูกบุกรุกให้กลับคืนเป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประกาศใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เพื่อหยุดยั้งการบุกรุกแผ้วถางป่าอย่างรุนแรง พร้อมกับจัดทำโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมีเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ ที่ถูกบุกรุกให้กลับคืนเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ต่อไป โดยอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาคราชการ เอกชน และประชาชนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อถวายเป็นราชสักการะและเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พร้อมกำหนด 7 มาตรการแก้ปัญหาการบุกรุก ประกอบด้วย 1.การจัดหาค่าพิกัดดาวเทียม GPS แปลงที่ถูกบุกรุกทุกแปลง 2.ให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้บุกรุกทุกรายโดยทันที 3.ในคดีที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแพ่งกับผู้บุกรุกทุกรายเพื่อให้ชดใช้เสียหาย
4.ให้จัดทำประกาศติดไว้ในแปลงที่ได้จับกุมดำเนินคดีแล้ว 5.ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปตรวจสอบบันทึกปากคำผู้เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงในพื้นที่ไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวนหาตัวผู้กระผิดมาดำเนินคดี 6.ในแปลงบุกรุกที่มีการปลูกพืชผลอาสิน ให้ประสานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือผลอาสินทุกแปลงด้วย และ 7.ให้มีการจัดทำโครงการพลิกฟื้นผืนป่าด้วยพระบารมี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุงด้วย
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง มีเนื้อที่ 38,125 ไร่ ตั้งอยู่ในท้องที่ อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง และ อ.วิภาวดี ซึ่งช่วงปี 2551 ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าไปจำนวน 4,517 ไร่เศษ และช่วงต้นปี 2522 ได้ตรวจพบการบุกรุกแผ้วถางป่าอย่างรุนแรง เป็นคดีใหญ่หลายคดี โดยนายทุนผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนเข้าไปมีส่วนร่วมในการบุกรุกด้วย
