พิษณุโลก - ป่าไม้นำกำลังยึดไม้สักทองกลางทุ่งแสลงหลวง อายุร่วม 40 ปี อ้างเคลียร์เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทรัพย์ไพวัลย์ก่อนล้ม ขณะที่ ผอ.ฝ่ายป้องกัน อนุรักษ์ 11 ไม่สน ตีตรายึด นำรถ อ.อ.ป.ขนย้ายสักท่อน
นายวิรัช จตุพนาพร ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่ 11 รับแจ้งว่ามีนายทุนว่าจ้างคน จึงนำกำลังเข้าตรวจและดักสุ่ม กระทั่งทราบว่าเช้าที่ผ่าน มีการตัดไม้สักจำนวนหนึ่งและยังคงเหลือคาไว้จำนวนหนึ่ง จึงได้สนธิกำลังหน่วยป้องกันรักษาป่า พล.1 (วังทอง) นายธนพล บุญยง เจ้าหน้าที่ชำนาญการ/ผู้ช่วยอุทยานทุ่งแสลงหลวง และหัวหน้าสายตรวจปราบปรามประจำสำนัก 11 เข้าตรวจยึดไม้สักทองจำนวน 15 ต้นอายุประมาณ 40 ปี และยังรอการถูกโค่นลงอีก 10 ต้น บริเวณบ้านเกาะ หมู่ 15 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลกในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
สภาพที่เกิดเหตุ พบต้นสักทองจำนวน 15 ต้นถูกโค่น ตามพื้นที่ผ่อนปรนของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลง และยังอยู่ระหว่งเตรียมการโค่นล้มไม้สัก โดยมีใบมีดคาอยู่ต้นสักขนาดใหญ่ โดยไม้สักได้ตัดเป็นท่อนๆ 3 เมตร เพื่อรอการขนย้ายอย่างใจเย็น โดยทำการตัดและวางกองรอขนย้าย กระทั่งเจ้าหน้าที่ทำการตีตรายึด และให้รถ อ.อ.ป.ชักลากในค่ำคืนนี้ ก่อนจะนำส่งร้อยเวร สภ.ทรัพย์ไพวัลย์ในวันรุ่งขึ้น
นายวิรัช จตุพนาพร ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่ 11 เปิดเผยว่า จากที่เฝ้าติดตามในพื้นที่ทราบว่าจะมีการตัดไม้ แต่ไม่ทราบพิกัดที่ชัดเจนจึงเข้าไปตรวจยึดไม่ทัน ไม้สักล้มไป 15 ต้น
ตรวจสอบไม้สักพบว่า อายุประมาณ 35-40 ปี และกรณีขออนุญาตโค่นต้นสักทองกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ไม่ได้ ไม้จะเป็นไม้สักที่ขึ้นหรือปลูกก็ตาม ไม่สามารถตัดโดยอำเภอใจ โดยเฉพาะในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงและที่สำคัญจากการสอบถามอ้างว่า มีการเคลียร์ในพื้นที่ทรัพย์ไพวัลย์ก่อนตัดไม้สักในครั้งนี้ จึงทำการตีตรายึดและรวบรวมความเสียหาย พร้อมกับเตรียมแจ้งความเพื่อดำเนินการหาตัวความผิดต่อ สภ.ทรัพย์ไพวัลย์ เพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าวมารับโทษในวันรุ่งขึ้น เบื้องต้นมีความผิดตามมาตราที่ 11 ทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 69 มีไม้สักหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพ.ร.บ.อุทยานแหล่งชาติอีกหนึ่งฉบับ ซึ่งมีโทษสูงกว่า ส่วนมูลค่าความเสียหายหลายแสน ยังอยู่ระหว่างคำนวณว่ากี่ลูกบาศ์กเมตร