สตูล – สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูลเร่งดูดคราบน้ำมันเตาลอยเกลื่อนเกาะหลีเป๊ะ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พลิกวิกฤตเร่งหาทางอุดรอยรั่วเรือสร้างเป็นประติมากรรมใต้น้ำดึงนักท่องเที่ยวค้นหาความงามโลกใต้น้ำ
วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดสตูล นายสุเมธ เลิศชัยวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวหลังได้รับรายงานการเข้าสำรวจคราบน้ำมันที่ลอยขึ้นมาจากเรือประกอบกิจการปลาป่นทางทะเล ที่ถูกไฟไหม้จมดิ่งลงสู่ท้องทะเลลึก 38 เมตร ที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และเริ่มมีคราบน้ำมันเตาลอยบนผิวน้ำมีนักท่องเที่ยวและประชาชนเห็นเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น โดยคราบน้ำมันเตาได้ขยายพื้นที่เป็นวงกว้างและกระแสน้ำพัดเข้าชายหาดประมง ทำให้ชายหาดที่มีสีขาวเนียนละเอียดกลายเป็นสีดำและส่งกลิ่นเหม็น
ในขณะนี้หลังมีการสำรวจ พบว่าปริมาณน้ำมันที่รั่วซึมออกจากเรือดังกล่าวลดลงมาก แต่ยังคงมีน้ำมันผุดลอยขึ้นมาทุกๆ 7 วินาที จึงประสานไปยังกองเรือภาคที่ 3 จ.ภูเก็ต เพื่อขอนักดำน้ำจากกองทัพเรือ ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เข้ามาดูว่าภาพเรือใต้ท้องทะเลเป็นประการใดและถ่ายภาพวิดีโอประกอบการตัดสินใจ ว่าจะอุดรอยรั่วอย่างไร หรือจะว่าจ้างให้บริษัทบำบัดเอาโฟมมาฉีดและมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
ทั้งนี้ หากทำการกำจัดเขตโดยใช้ทุ่นล้อมแล้วฉีดโฟม สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมากและไม่ทราบว่าภายในเรือดังกล่าวมีน้ำมันอยู่จำนวนเท่าไร สามารถอุดรูรั่วตรงนี้ได้หรือไม่ หรือจะสูบน้ำมันที่มีอยู่ในเรือขึ้นมา เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้จะยุติหากอุปกรณ์และบุคลากรพร้อม
ตอนนี้ทางจังหวัดที่สามารถทำได้เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันกระจายเป็นวงกว้าง เพราะขณะนี้คราบน้ำมันเบาบางลงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว เนื่องจากคลื่นซัดออกสู่ทะเลเปิด สำหรับคราบน้ำมันนั้นจำกัดอยู่บริเวณหัวเกาะหลีเป๊ะเท่านั้น และจะมีการดูอีกครั้งหนึ่งว่าจะทำการแก้ปัญหาตรงนี้ประการใด ทรายที่สกปรกจะใช้โฟมฉีดและให้คลื่นซัดออกไป
สำหรับเรื่องของการท่องเที่ยวนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ให้ความมั่นใจได้เลยว่า เกาะหลีเป๊ะยังคงความสวยเหมือนเดิม น้ำทะเลใสเหมือนท้องฟ้าอย่างเดิม ไม่มีปลาตาย และเมื่อกำจัดจุดรั่วของน้ำมันตรงนี้ได้น่าจะเป็นจุดสนใจของนักประดาน้ำที่สามารถดำลงไปดูจุดที่เรือล่มและมีปลาอาศัยอยู่มากมาย น้ำทะเลใสเหมือนเดิม ซึ่งเป็นความท้าทายนักประดาน้ำจึงอยากให้ไปดู
ด้าน นายสุกิจ รัตนวิบูลย์ ผู้อำนวยการ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังประเมินค่าไม่ได้เพราะว่าคราบน้ำมันได้เจือจางลงไปเนื่องจากเกิดพายุฝนคลื่นลมแรงได้พัดออกสู่ทะเลกว้างเป็นบางส่วนแต่คราบน้ำมันก็ยังลอยขึ้นอยู่และยังไหลออกจากซากเรือที่อับปางอยู่ และขณะนี้น้ำมันได้กระจายไม่มาก และพยายามจะแก้ไขปัญหา โดยเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษเข้ามาและนำสารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเอามาฉีดพ่นคราบในเร็ววัน คิดว่าจะเริ่มดำเนินการในวันพรุ่งนี้ ซึ่งต้องการดำเนินการให้เร็วที่สุดไม่ให้เสียบรรยากาศทางการท่องเที่ยว ไม่ให้เสียทรัพยากรทางด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสตูลด้วย ขณะนี้เกาะอื่นๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ มีพื้นที่ชายหาดอ่าวประมงเท่านั้นที่ยังมีคราบน้ำมันอยู่
สำหรับเรือนั้นจะให้นักประดาน้ำสำรวจน้ำมันว่ามีปริมาณมาน้อยแค่ไหนจึงจะทำการอุดรอยรั่วนั้น ส่วนจะมีการกู้ซากเรือลำดังกล่าวขึ้นมาหรือไม่ต้องหารือเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและเสี่ยงต่อการทำให้ปะการังเสียหาย ส่วนงบประมาณในการจัดการกับคราบน้ำมันเตาที่ส่งผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้ทำเรื่องขอใช้งบประมาณไปทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำนวน 2 ล้านบาท ในการกำจัดคราบน้ำมันหากงบประมาณผ่านก็จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในวันเดียว
สำหรับเรือที่อับปางลงใต้ท้องทะเลบริเวณอ่าวประมง ของเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล เป็นเรือประกอบกิจการปลาป่นทางทะเลของแพปลาเกรียงศักดิ์ อ.กันตัง จ.ตรัง เรือมีขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 65 เมตร สูง 6 เมตร กินความลึกระดับน้ำทะเล 3 เมตร ความจุน้ำมันเตาสูงสุด 6 หมื่นลิตร