กระบี่ - เจ้าของเรือโดยสาร บริษัท พีพี แฟมิลี่ ไม่เชื่อไฟฟ้าลัดวงจรทำเรือวอด เหตุเรือมีเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ สงสัยเกิดจากการลอบวางเพลิง
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เรือโดยสาร ซึ่งจอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเรือคงคา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ พร้อมกัน 2 ลำ ซึ่งเป็นเรือของ นายนพดล ทองเกิด อายุ 52 ปี เจ้าของ บริษัท พีพีแฟมิลี่ จำกัด วิ่งโดยสารระหว่างกระบี่-ไปยังเกาะพีพี คืบหน้าล่าสุด
ต่อมา นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้คาดว่ามาจากการเฝ้าระวังของลูกเรือ ซึ่งอาจจะมีการกินข้าวภายในเรือหรือการทำอาหารภายในเรือ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟฟ้าซ๊อตก็เป็นไปได้ ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ แต่ต้องรอจนกว่าน้ำทะเลจะลดลงซึ่งเป็นปัญหาที่อยากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ทางจังหวัดกระบี่ได้สั่งการให้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกระบี่ ได้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 กระบี่ ทางเทศบาลเมืองกระบี่ และเจ้าของเรือ เพื่อทำการตรวจสอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งการป้องกันการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานที่จอดเรือ ซึ่งในขณะนี้บริเวณที่เกิดเหตุได้ดำเนินการทำความสะอาด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยไปแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า เรือโดยสารไปยังเกาะพีพีและเกาะลันตาไม่ได้ใช้ท่าเทียบเรือแห่งนี้เป็นสถานที่รับส่งผู้โดยสาร เป็นเพียบท่าเทียบเรือที่ให้เรือเข้ามาจอดเทียบท่าเท่านั้น ท่าเทียบเรือที่ใช้อยู่ปัจจุบัน คือ ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด ต.ไสไทย อ.เมือง เท่านั้น สำหรับผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังเกาะพีพีและเกาะลันตา นั้น คงจะไม่มีผลกระทบอะไรเนื่องจากยังมีเรือโดยสารคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ประกอบกับเป็นช่วงหน้าโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวไม่ได้มากมายเหมือนดังช่วงไฮซีซัน
ขณะที่ นายนภดล ทองเกิด เจ้าของบริษัท เรือพีพี แฟมิลี่ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่า เรือที่ถูกไฟไหม้ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะภายในเรือมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ และคืนที่เกิดเหตุ เรือทั้ง 2 ลำ มีเด็กเฝ้าเรือเพียงคนเดียว แต่ก็สามารถกระโดดน้ำหนีไฟเอาตัวรอดได้ ซึ่งตนสังหรณ์ว่าการเกิดเพลิงไหม้เรือน่าจะเป็นการลอบวางเพลิง แต่จะเป็นคู่แข่งหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ว่าที่ผ่านมากว่า 17 ปี ที่ตนเป็นผู้ได้รับสัมปทานแต่เพียงผู้เดียวไม่เคยเกิดเหตุอะไร แต่เมื่อประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมา ทางจังหวัดกระบี่ ได้ให้บริษัทหนึ่งเข้ามาวิ่งแข่ง โดยแบ่งเวลากันวิ่งและก็มาเกิดเหตุดังกล่าว
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้เรือโดยสาร ซึ่งจอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเรือคงคา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ พร้อมกัน 2 ลำ ซึ่งเป็นเรือของ นายนพดล ทองเกิด อายุ 52 ปี เจ้าของ บริษัท พีพีแฟมิลี่ จำกัด วิ่งโดยสารระหว่างกระบี่-ไปยังเกาะพีพี คืบหน้าล่าสุด
ต่อมา นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟไหม้คาดว่ามาจากการเฝ้าระวังของลูกเรือ ซึ่งอาจจะมีการกินข้าวภายในเรือหรือการทำอาหารภายในเรือ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟฟ้าซ๊อตก็เป็นไปได้ ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ แต่ต้องรอจนกว่าน้ำทะเลจะลดลงซึ่งเป็นปัญหาที่อยากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ทางจังหวัดกระบี่ได้สั่งการให้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกระบี่ ได้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 กระบี่ ทางเทศบาลเมืองกระบี่ และเจ้าของเรือ เพื่อทำการตรวจสอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น รวมทั้งการป้องกันการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานที่จอดเรือ ซึ่งในขณะนี้บริเวณที่เกิดเหตุได้ดำเนินการทำความสะอาด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยไปแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า เรือโดยสารไปยังเกาะพีพีและเกาะลันตาไม่ได้ใช้ท่าเทียบเรือแห่งนี้เป็นสถานที่รับส่งผู้โดยสาร เป็นเพียบท่าเทียบเรือที่ให้เรือเข้ามาจอดเทียบท่าเท่านั้น ท่าเทียบเรือที่ใช้อยู่ปัจจุบัน คือ ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด ต.ไสไทย อ.เมือง เท่านั้น สำหรับผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังเกาะพีพีและเกาะลันตา นั้น คงจะไม่มีผลกระทบอะไรเนื่องจากยังมีเรือโดยสารคอยให้บริการนักท่องเที่ยว ประกอบกับเป็นช่วงหน้าโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวไม่ได้มากมายเหมือนดังช่วงไฮซีซัน
ขณะที่ นายนภดล ทองเกิด เจ้าของบริษัท เรือพีพี แฟมิลี่ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่า เรือที่ถูกไฟไหม้ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะภายในเรือมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ และคืนที่เกิดเหตุ เรือทั้ง 2 ลำ มีเด็กเฝ้าเรือเพียงคนเดียว แต่ก็สามารถกระโดดน้ำหนีไฟเอาตัวรอดได้ ซึ่งตนสังหรณ์ว่าการเกิดเพลิงไหม้เรือน่าจะเป็นการลอบวางเพลิง แต่จะเป็นคู่แข่งหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ว่าที่ผ่านมากว่า 17 ปี ที่ตนเป็นผู้ได้รับสัมปทานแต่เพียงผู้เดียวไม่เคยเกิดเหตุอะไร แต่เมื่อประมาณ 1 ปี ที่ผ่านมา ทางจังหวัดกระบี่ ได้ให้บริษัทหนึ่งเข้ามาวิ่งแข่ง โดยแบ่งเวลากันวิ่งและก็มาเกิดเหตุดังกล่าว
