xs
xsm
sm
md
lg

แม่จำเลยคดีฆ่านักข่าวมติชนนครศรีฯ ร้อง ตร.รีดเงิน 3.3 แสนล้มคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - จำเลยคดีฆ่านักข่าวมติชนนครศรีโร่ร้อง ตร.รีดเงินล้มคดี 3.3 แสน วอน ผบก.ช่วยทวงเงินคืนหลังอัยการส่งฟ้อง-ร้องศูนย์ดำรงธรรมติดตาม พ.ต.ท.ขู่เหยื่อซ้ำเอาเงินคืนมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน


วันนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายลำดวน แก้วสีสด อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 ม.1 ต.ลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะจำเลยคดีสังหารนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดีในชั้นศาล นางประเสริฐ แก้วสีสด อายุ 53 ปี มารดาของนายลำดวน และนายทรงศักดิ์ แก้วสีสด อายุ 43 ปี ผช.ผญบ.อยู่ 75 ม.1 ต.ลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะอาของนายลำดวน ได้เข้าร้องต่อนายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากถูกหลอกจากนายตำรวจระดับ พ.ต.ท. มีตำแหน่งเป็นรอง ผกก.สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกเงินจำนวน 3.3 แสนบาท เพื่อเป็นเงินในการวิ่งเต้นให้นายลำดวน แก้วสีสด หลุดพ้นจากการต้องคดีสังหารนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ เมื่อช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา

นางประเสริฐ แก้วสีสด มารดาของนายลำดวนเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่นายลำดวนได้เข้ามอบตัวตนเองอยู่ในสภาวะจนตรอกต้องการอย่างเดียว คือ ให้นายลำดวนหลุดพ้นจากการถูกดำเนินคดี เนื่องจากรู้ดีว่านายลำดวนบุตรชายเป็นผู้บริสุทธิ์ จนเป็นที่มาของการถูกหลอกเอาเงินไปถึง 3.3 แสนบาทเพื่อให้นายลำดวนหลุดจากคดี แต่ไม่เป็นความจริงเรื่องได้ขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเรียบร้อยแล้ว

นางประเสริฐกล่าวต่อว่า หลังจากที่นายลำดวนเข้ามอบตัวและประกันตัวด้วยหลักทรัพย์โฉนดที่ดินมูล 7 แสนบาทแล้ว ตนเองได้หาทางเพื่อช่วยลูกโดยได้ไปคุยกับญาติรายหนึ่งเพื่อหาทางช่วยเหลือ และญาติคนดังกล่าวบอกว่าต้องไปหารือผู้ที่รู้เรื่องทางการวิ่งเต้น จึงไปปรึกษาต่อกับนายสุริยา ซึ่งเป็นสมาชิก อบต.แห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ซึ่งอบต.คนดังกล่าวนั้นได้บอกว่าต้องไปหารือกับญาติซึ่งเป็นนายตำรวจคนนี้

“จนมาถึงราว 4 เดือนก่อน นายสุริยาบอกว่าต้องใช้เงินวิ่งเต้น 3.3 แสนบาท และให้ไปพบกับ พ.ต.ท.คนนี้ ซึ่ง พ.ต.ท.คนนี้บอกว่าถ้าจ่ายเงินเร็วคดีจะยิ่งหลุดเร็วมากขึ้น ให้เลือกเอาว่าจะหลุดในชั้นตำรวจหรือชั้นอัยการ ซึ่งฉันได้บอกว่าขอให้หลุดในชั้นอัยการ เนื่องจากบุตรชายจะมีความปลอดภัยมากกว่า นายตำรวจคนนี้จึงตกลง ฉันจึงไปกู้เงินมาเป็นจำนวน 3.3 แสนบาท ด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 5 จะครบ 4 เดือนในวันที่ 8 พ.ค.ที่จะถึงนี้ จ่ายดอกเบี้ยไปแล้วเดือนละ 1.5 หมื่น 3 เดือนครบจ่ายอีกครั้ง ในวันที่ 8 พ.ค. โดยจ่ายครั้งแรกให้กับนายสุริยาเป็นเงิน 1.3 แสนบาท ต่อมาจ่ายครั้งหลังให้กับนายตำรวจรายนี้เป็นเงิน 2 แสนบาท โดยจ่ายกันที่ศาลาริมน้ำหน้าศูนย์ราชการอำเภอเชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นนิ่งนอนใจมาโดยตลอด จนกระทั่งศาลมีหมายนัดให้ไปฟังการสืบพยานโจทย์” มารดาของจำเลยกล่าว

นายทรงศักดิ์ แก้วสีสด ในฐานะอาของนายลำดวนกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นนายตำรวจรายนี้บอกว่าให้ไปถอนหลักทรัพย์ประกันตัวได้เลย แต่ตนเองสงสัยจึงไปติดตามข้อมูลว่ามันผิดปกติ และลองติดต่อดูพบว่าไม่สามารถถอนประกันได้ หากถอนประกันนายลำดวนต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ และเมื่อดูต่อไปอีกพบว่า อัยการได้สั่งฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว และมาถึงวันนี้ศาลได้สืบพยานโจทก์ไปแล้วรวม 3 นัด นัดที่ 4 จะนัดอีกในช่วงปี 2553 ดังนั้นจึงรู้ว่านางประเสริฐถูกนายตำรวจคนนี้หลอกล้มคดีแล้ว จึงขอสำเนาคำฟ้องของอัยการจากศาลไปเมื่อหลายวันก่อนให้นางประเสริฐเอาไปเป็นหลักฐานให้กับนายตำรวจรายนี้ เพื่อขอเงินคืนเนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อตกลง คือเมื่อรับเงินไปแล้วคดีจะต้องจบ เพราะเรื่องการสังหารนักข่าวนั้นนายลำดวนไม่ได้เกี่ยวข้องจริงๆ

ขณะที่นางประเสริฐกล่าวเสริมว่า ได้เอาหลักฐานตัวนี้ไปให้นายตำรวจคนนี้ดูกลับตอบมาว่าคดียังไม่จบ “และเมื่อฉันขอเงินที่จ่ายไปทั้งหมด 3.3 แสนบาทคืน เนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อตกลง และฉันต้องไปกู้เงินมา นายตำรวจคนนี้ถามว่าจะเอาเท่าไหร่ ฉันบอกไปว่าขอทั้งหมดที่จ่ายไปคืน ตำรวจคนนี้ได้ตะคอกกลับมาว่า “มากไป” และขู่ต่อว่านี่เป็นการติดสินบนหากขอคืนนั้นจะมีความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานจะต้องถูกดำเนินคดี

“ซึ่งฉันไม่รู้จะว่าอย่างไรอีกอย่างนั้นต้องการที่จะเอาหลักทรัพย์ที่ประกันไว้นั้นไปขายเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ก็เอาไม่ได้ และเมื่อมาเปิดเผยอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปหรือจะตายก็ยังไม่รู้ ส่วนลูกนั้นขอประกันด้วยชีวิตว่าเขาบริสุทธิ์ และขอร้องให้ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ช่วยติดตามทวงเงินคืนจากลูกน้องของท่านให้กับฉันด้วย” นางประเสริฐกล่าวด้วยความเครียด

ด้าน นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ศูนย์ดำรงธรรมจำรับเรื่อง และในขั้นตอนนั้นจะดำเนินการสอบสวนไม่เกิน 30 วัน และส่งเรื่องต่อไปให้ผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจรายนี้ รวมทั้งติดตามบุคคลที่เป็นตัวละครมาทั้งหมด ซึ่งจากการรับฟังข้อมูลพบว่าผู้เสียหายมีทั้งพยานหลักฐานในการกล่าวหา ดังนั้น ชั้นนี้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นสำเร็จแล้วดังนั้นในทางกฎหมายสามารถที่จะดำเนินการได้ทั้งในทางคดีอาญา ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย และสามารถดำเนินการในทางคดีแพ่งได้ด้วย เบื้องต้นนั้นจะรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการอีกทางหนึ่งด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น