สุราษฎร์ธานี- “ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี” ประกาศเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อแกนนำม็อบสวนปาล์ม อาจเสียทั้งเงิน และถูกจับกุมข้อหาบุกรุก หลังพบมีหลักฐานการเรียกเก็บเงินจากผู้ร่วมชุมนุม พร้อมระบุหากต้องการทรัพย์สินคืน ให้ไปติดต่อที่ สภ.เคียนซา โดยไม่มีการดำเนินคดีใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา วันนี้ (3 เม.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีกว่า 400 นาย บุกเข้าสลายม็อบสวมปาล์มจำนวนกว่า 2,000 คน ที่บุกรุกพื้นที่สวนปาล์มนายทุน พื้นที่อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมติดตามค้นหาจับกุมตัว นายโมรา มีเพ่งจันทร์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ม.7 ต.บ้านยาง อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี 1 ในแกนนำที่ไหวตัวหลบหนีไปได้
พร้อมควบคุมตัว นายสุภาพ เฮ่าสกุล อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.3 ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และนายสันติ จินดา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 ม.7 ต.เคียนซา อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี 2 แกนนำที่เหลือ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลขที่ 244 245 และ 218/52 ข้อหาฝ่าฝืนขัดคำสั่งศาล และข้อหาบุกรุกครอบครองพื้นที่ผู้อื่นไปสอบสวน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานที่แกนนำได้เรียกเก็บเงินจากกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ที่ประกอบด้วย ชาวบ้านรายใดที่ต้องการที่ดิน และเข้าไปอยู่อาศัย อันดับแรกจะต้องจ่าย 320 บาทต่อคน
พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการเรียกเก็บเงินจากกลุ่มชาวบ้านเป็นขั้นตอน จึงเชื่อว่า กลุ่มชาวบ้านถูกแกนนำหลอกลวงให้เข้าร่วมชุมนุม เพื่อต้องการที่ดิน ขอเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อแกนนำม็อบสวนปาล์ม ที่ชักชวนมาเอาที่สวนปาล์มจากนายทุน
โดยอ้างว่า หมดสัญญาเช่า หรือสัญญานายทุนกับภาครัฐไม่ถูกต้อง เนื่องจากอาจจะเสียทั้งเงิน และอาจถูกจับดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ส่วนทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่ในสวนปาล์มนั้น หากเจ้าของรายใด ต้องการขอคืน
ก็ให้ไปติดต่อกับ พ.ต.อ.ชินวัฒน์ เปรมสง่า ผกก.สภ.เคียนซา เพื่อขอรับคืน โดยไม่ดำเนินคดีในข้อหาใดๆ ส่วนในพื้นที่ได้จัดกำลังจำนวนหนึ่ง เฝ้าไว้ป้องกันเกิดเหตุกระทบกระทั่งกัน ระหว่างนายทุนกับชาวบ้าน