ปัตตานี – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ปัตตานี เพิ่มงบ 205 ล้านบาท เร่งทำสะพาน ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส ให้แล้วเสร็จ พร้อมผลักดันโครงการขุดลอกร่องน้ำลึก รองรับการขนส่งออก ในพื้นที่ 3 จชต.ที่ท่าเทียบเรือปัตตานี ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ
วันนี้ (30 มี.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการคมนาคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะได้เดินทางเพื่อศึกษาสภาพปัญหาการคมนาคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จังหวัดปัตตานี โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพปัญหาเส้นทางคมนาคม ที่บริเวณทางเข้าเมืองปัตตานี ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนชาวปัตตานี
นอกจากนี้ยังได้ตรวจดูสภาพปัญหา กรณีสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานีคร่อมบริเวณสี่แยก ระหว่างถนนสายปัตตานี-ยะลา กับสายนราธิวาส-สงขลา ที่บริเวณ ต.ตะลูโบ๊ะ ทำให้การจราจรของประชาชนไป-มาไม่สะดวก และล่าช้าอ้อมเส้นทาง ซึ่งต้องลอดใต้สะพาน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอให้ทางจังหวัดปัตตานี ดำเนินการทำประชาพิจารณ์ ทั้งประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหาสะพานฯ ร่วมกัน ส่วนเรื่องงบประมาณไม่มีปัญหา
พร้อมกันนี้ คณะฯ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนา ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยว่านโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคมนาคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
จากการเดินทางศึกษาสภาพพื้นที่ในครั้งนี้ ที่ถนนสาย 418 และสะพาน ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งมอบให้ทหารทำการก่อสร้างฯ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ดูจากสภาพปัญหาในพื้นที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องของบประมาณเพิ่มอีก 205 ล้านบาท เพื่อการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และการผลักดันโครงการขุดลอกร่องน้ำลึก 5.5 เมตร เพื่อรองรับการขนส่งออก ยางพารา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ท่าเทียบเรือปัตตานี ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ
นอกจากนี้ นโยบายการปรับไฟฟ้าแสงสว่างบนถนนทางหลวงลดลงทั่วประเทศ แต่สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอให้เพิ่มแสงสว่างแทน เพราะเป็นพื้นที่พิเศษ เน้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน