ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา ยื่นหนังสือสถานกงสุลมาเลย์ตรวจสอบตำรวจจับรถท่องเที่ยวไทยไม่เป็นธรรม เรียกเก็บเงินคันละ 3,000 บาท พร้อมขู่หากทางการมาเลย์ไม่ชี้แจงให้ชัดเจน จะรวมตัวปิดด่านพรมแดนไทยมาเลเซียทันที
วันนี้ (5 มี.ค.) กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา รวมตัวเข้ายื่นหนังสือกับทางกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อเรียกร้องให้ทางการมาเลเซียตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมาเลเซีย ที่ตั้งด่านตรวจบริเวณหน้าด่านบูกิตฮีตัมมาเลเซียซึ่งตรงข้ามด่านสะเดา จ.สงขลา ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมีการจับกุมรถตู้นำเที่ยวของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย และเรียกเก็บเงินคันละ 3,000 บาท
โดยอ้างว่าใช้รถผิดประเภท แต่ไม่มีการออกใบเสร็จหรือหลักฐานการเปรียบเทียบปรับแต่อย่างใด สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา ซึ่งมีอยู่กว่า 300 คัน เป็นอย่างมาก รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องถูกกักตัวนานหลายชั่วโมง ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่อเค้าทุจริตคอรัปชั่นของตำรวจมาเลเซีย
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ประกอบการรถตู้เผยว่า ที่ผ่านมาการเดินทางเข้าออกของรถนำเที่ยวทั้งของไทยและมาเลเซียทั้งรถตู้และรถบัสบริเวณด่านพรมแดนไทยมาเลเซียทุกแห่งทั้งสงขลา สตูล ยะลา และนราธิวาส เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะกรณีที่มีการจับกุมก็จะมีการออกใบเสร็จเปรียบเทียบปรับทุกครั้งซึ่งมีการผ่อนปรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะรถของมาเลเซียทางการไทยได้อำนวยความสะดวกในเรื่องของเส้นทางให้เป็นอย่างดีสามารถนำรถท่องเที่ยวไปไกลถึงภูเก็ต
แต่การกระทำของตำรวจมาเลเซียเหมือนกับขูดรีด ซึ่งหากจะจับกุมก็ควรออกใบเสร็จให้ชัดเจน ที่สำคัญทางการมาเลเซียควรกำหนดระเบียบและแนวทางปฏิบัติในกรณีรถตู้นำเที่ยวของไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถส่วนบุคคลให้ชัดเจน ไม่ใช้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่หรือตำรวจจับกุมอย่างไม่เป็นธรรม เพราะผู้ประกอบการรถตู้ของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเข้าไปยังมาเลเซียก็เท่ากับส่งเสริมการท่องเที่ยวของมาเลเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทางกงสุลใหญ่ประเทศมาเลเซียประจำ จ.สงขลา ได้รับเรื่องเอาไว้พร้อมกับประสานไปยังสำนักงานชายแดนส่วนภูมิภาคไทยมาเลเซีย เพื่อช่วยตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในขณะที่ผู้ประกอบการรถตู้ใน จ.สงขลา ขู่ว่าหากทางการมาเลเซียยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องกล่าวและยังมีการจับกุมรถนำเที่ยวของไทยอย่างไม่เป็นธรรมทางกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้จะนัดรวมตัวปิดด่านพรมแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา ทันที
วันนี้ (5 มี.ค.) กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา รวมตัวเข้ายื่นหนังสือกับทางกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อเรียกร้องให้ทางการมาเลเซียตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมาเลเซีย ที่ตั้งด่านตรวจบริเวณหน้าด่านบูกิตฮีตัมมาเลเซียซึ่งตรงข้ามด่านสะเดา จ.สงขลา ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมีการจับกุมรถตู้นำเที่ยวของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย และเรียกเก็บเงินคันละ 3,000 บาท
โดยอ้างว่าใช้รถผิดประเภท แต่ไม่มีการออกใบเสร็จหรือหลักฐานการเปรียบเทียบปรับแต่อย่างใด สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยวใน จ.สงขลา ซึ่งมีอยู่กว่า 300 คัน เป็นอย่างมาก รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องถูกกักตัวนานหลายชั่วโมง ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่อเค้าทุจริตคอรัปชั่นของตำรวจมาเลเซีย
ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ประกอบการรถตู้เผยว่า ที่ผ่านมาการเดินทางเข้าออกของรถนำเที่ยวทั้งของไทยและมาเลเซียทั้งรถตู้และรถบัสบริเวณด่านพรมแดนไทยมาเลเซียทุกแห่งทั้งสงขลา สตูล ยะลา และนราธิวาส เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะกรณีที่มีการจับกุมก็จะมีการออกใบเสร็จเปรียบเทียบปรับทุกครั้งซึ่งมีการผ่อนปรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะรถของมาเลเซียทางการไทยได้อำนวยความสะดวกในเรื่องของเส้นทางให้เป็นอย่างดีสามารถนำรถท่องเที่ยวไปไกลถึงภูเก็ต
แต่การกระทำของตำรวจมาเลเซียเหมือนกับขูดรีด ซึ่งหากจะจับกุมก็ควรออกใบเสร็จให้ชัดเจน ที่สำคัญทางการมาเลเซียควรกำหนดระเบียบและแนวทางปฏิบัติในกรณีรถตู้นำเที่ยวของไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถส่วนบุคคลให้ชัดเจน ไม่ใช้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่หรือตำรวจจับกุมอย่างไม่เป็นธรรม เพราะผู้ประกอบการรถตู้ของไทยที่นำนักท่องเที่ยวเข้าไปยังมาเลเซียก็เท่ากับส่งเสริมการท่องเที่ยวของมาเลเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทางกงสุลใหญ่ประเทศมาเลเซียประจำ จ.สงขลา ได้รับเรื่องเอาไว้พร้อมกับประสานไปยังสำนักงานชายแดนส่วนภูมิภาคไทยมาเลเซีย เพื่อช่วยตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในขณะที่ผู้ประกอบการรถตู้ใน จ.สงขลา ขู่ว่าหากทางการมาเลเซียยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องกล่าวและยังมีการจับกุมรถนำเที่ยวของไทยอย่างไม่เป็นธรรมทางกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้จะนัดรวมตัวปิดด่านพรมแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา ทันที