ศูนย์ข่าวาหาดใหญ่ – สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทยครวญธุรกิจไม้ยางพาราถึงขั้นวิกฤต ยอดกำลังซื้อจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนตลาดที่ใหญ่ที่สุด ลดลงกว่าร้อยละ 50 จึงต้องชะลอการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อ หากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากรัฐบาล ผู้ประกอบการจะต้องปิดกิจการลงหลายแห่ง
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทยได้มีประชุมสามัญประจำปี ขึ้นที่โรงแรม เจบี. อ.หาดใหญ่ เพื่อพิจารณาผลกระทบของผู้ประกอบการไม้ยางพาราจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนทำให้โรงงานหลายแห่งต้องชะลอการผลิต เนื่องจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดลดกำลังซื้อ และรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดจากสมาชิกทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล มีนายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราและนายกสาคมโรงเลื่อยไม้ยางพาราแห่งประเทศไทยเป็นประธาน
นายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมนอกรอบพบว่าภาคธุรกิจไม้ยางพาราถึงขั้นวิกฤต ยอดกำลังซื้อจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ลดลงกว่าร้อยละ 50 จึงต้องชะลอการผลิตลงกว่าร้อยละ 50 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อและความต้องการขาย ตนเชื่อว่าหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากรัฐบาล ผู้ประกอบการจะต้องปิดกิจการลงหลายแห่ง
นายสุทิน เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้ให้สมาชิกต่อสู้กับวิกฤตที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองก่อน คือให้ลดการผลิตลงแล้ว โดยการตกลงกับพนักงานเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่รอด เช่นลดโอที. ให้มีการประหยัดในโรงงานให้มากขึ้น แต่จะพยายามให้ผลกระทบต่อพนักงานให้น้อยที่สุด
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทยได้มีประชุมสามัญประจำปี ขึ้นที่โรงแรม เจบี. อ.หาดใหญ่ เพื่อพิจารณาผลกระทบของผู้ประกอบการไม้ยางพาราจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนทำให้โรงงานหลายแห่งต้องชะลอการผลิต เนื่องจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดลดกำลังซื้อ และรวบรวมข้อเสนอทั้งหมดจากสมาชิกทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล มีนายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราและนายกสาคมโรงเลื่อยไม้ยางพาราแห่งประเทศไทยเป็นประธาน
นายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมนอกรอบพบว่าภาคธุรกิจไม้ยางพาราถึงขั้นวิกฤต ยอดกำลังซื้อจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ลดลงกว่าร้อยละ 50 จึงต้องชะลอการผลิตลงกว่าร้อยละ 50 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อและความต้องการขาย ตนเชื่อว่าหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากรัฐบาล ผู้ประกอบการจะต้องปิดกิจการลงหลายแห่ง
นายสุทิน เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้ให้สมาชิกต่อสู้กับวิกฤตที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองก่อน คือให้ลดการผลิตลงแล้ว โดยการตกลงกับพนักงานเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่รอด เช่นลดโอที. ให้มีการประหยัดในโรงงานให้มากขึ้น แต่จะพยายามให้ผลกระทบต่อพนักงานให้น้อยที่สุด