ชุมพร - หลายหน่วยงานในชุมพรระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย สกัดดับไฟป่าบนเทือกเขาปูน หลังลุกไหม้ติดต่อกันมานาน 4 วัน จากการบินสำรวจสภาพพื้นที่ทางอากาศพบพื้นที่ป่าวอดไปแล้วกว่า 300 ไร่
วันที่ 14 ก.พ.52 เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ชุมพร ยังคงระดมกำลังออกสกัดดับไปป่าอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุไฟป่าไหม้ลุกลามขยายวงกว้างพื้นที่บริเวณเทือกเขาปูน หมู่ 4 และหมู่ 5 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร โดยไฟป่าดังกล่าว ได้ไหม้ลุกลามติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 4 วันแล้ว
เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ได้ร่วมกับชาวบ้าน อาสาสมัคร ระดมกำลังกว่า 100 คน ออกเร่งทำแนวกันไฟอย่างเร่งด่วน เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงเป็นสวนยางพารา สวนผลไม้ ซึ่งอยู่ในสภาพแห้งแล้งพร้อมจะติดไฟได้ทันทีหากเสก็ดเปลวไฟตกไปถึงบริเวณพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน
จากการบินสำรวจทางอากาศพบว่า ขณะนี้มีพื้นที่ป่าเสียหายไปแล้วกว่า 300 ไร่ ซึ่งสภาพพื้นที่ป่าเทือกเขาหินปูน จะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนกันหลายลูก และเป็นป่าไผ่ และมีเศษใบไม้ กิ่งไม้แห้ง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี กองทับถมอยู่จำนวนมาก จึงยากต่อการดับไฟป่าที่กำลังไหม้ลุกลามขยายวงกว้างอยู่ขณะนี้ และยังพบว่า มีสัตว์ป่าจำนวนหนึ่งถูกไฟไหม้ตาย และอพยพวิ่งหนีย้ายที่อยู่อาศัยอีกจำนวนมากเช่นกัน และท้องฟ้าเริ่มปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันไฟ
จ่าอากาศตรี ประเสริฐ พ่วงศิริ ผู้ช่วยหัวหน้าสายตรวจ ศูนย์ประสานงานป่าไม้ชุมพร กล่าวว่า พันธุ์พืชที่พบพื้นที่ไฟป่ามีหลากหลาย เช่น ต้นจันผา จันแดง กล้วยไม้ป่า ป่าไผ่ ต้นไม้ประเภทไทร ส่วนสัตว์ป่าที่เป็นสัตว์ป่าสงวนคุ้มครองมีหลายชนิด เช่น เลียงผา ลิงเสน ชะมด และสัตว์เลื่อยคานชนิดต่าง ๆ ขณะนี้สัตว์เหล่านั้นกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อน ทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร และตายไปกับการถูกไฟไหม้
ด้านนายสุพัฒน์ สารรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานเกิดไฟป่าในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา ได้สั่งการหน่วยงานในพื้นที่ เช่น สถานีไฟป่า ศูนย์ประสานงานป่าไม้ สนธิกำลังปฏิบัติงานกับท้องถิ่น เพื่อสร้างแนวป้องกันไฟที่อาจจะลุกลามมายังสวนยางพาราของชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงได้
โดยกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในขณะนี้มีประมาณกว่า 100 คน จากข้อมูลบริเวณพื้นที่เกิดไฟป่า ส่วนใหญ่เป็นหินปูน และป่าไผ่ มีต้นไม้ใหญ่ไม่มาก เขาบริเวณนี้ไม่เกิดไฟป่ามาแล้วกว่า 20 ปี ทำให้เกิดการทับถมของต้นไม้ใบไม้เป็นชั้นหนา จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี คาดว่า ใช้เวลาอีกไม่นานก็สามารถสกัดดับไฟฟ้าไม่ให้ลุกลามขยายพื้นที่ไปยังจุดอื่น ๆ ได้.
