ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มท.3 มอบนโยบายเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ความปลอดภัยในสถานบริการ หวั่นซ้ำรอยซานติก้าผับ ดีเดย์ 90 วัน จังหวัดเคลียร์ปัญหาความไม่ปลอดภัยในสถานบริการให้เรียบร้อยทั้งหมด ฝ่าฝืนไม่ทำตามมาตการกำหนดส่งคณะกรรมการฯ สุ่มตรวจพบดำเนินการตามกฎหมายทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (13 ก.พ.) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้แก่สถานบริการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ปลัดจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัด นายกเทศมนตรีของเทศบาลนครและเทศบาลเมือง นายอำเภอทุกอำเภอของจังหวัดภูเก็ต นายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลของจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการสถานบริการของจังหวัดภูเก็ต และผู้สังเกตการณ์รวมประมาณ 280 คน
พร้อมกันนี้ยังได้จัดให้มีการเสวนา เรื่องความปลอดภัยในสถานบริการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
นายสุธี มากบุญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้รับผิดชอบการควบคุมการปฎิบัติ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีการซักซ้อมแนวทางการปฎิบัติกับเจ้าหน้าที่ได้แก่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับในเขตจังหวัดอื่นตลอดมา ประกอบกับได้เกิดเหตุเพลิงไหม้สถานบริการซานติก้า ผับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้มีการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้แก่สถานบริการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะการป้องกันอัคคีภัย จึงจัดให้มีการประชุมดังกล่าวขึ้น เพื่อมอบนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้แก่สถานบริการ นายสุธีกล่าว
นายถาวร กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบริการซานติก้าผับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทางกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นแล้วว่า เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้สถานบริการอื่นเกิดเหตุเช่นเดียวกัน จนเกิดความสูญเสียทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับอันตรายสาหัสเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย และการกวดขันตรวจตราสถานบริการให้ปฎิบัติตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมอย่างเคร่งครัด จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสถานบริการ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยมีตนเป็นประธานกรรมการ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในสถานบริการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยในสถานบริการ เช่น กฎหมายสถานบริการ กฎหมายควบคุมอาคาร เป็นต้น มาใช้ในการบังคับให้สถานบริการปฎิบัติอย่างเคร่งครัด
รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ ผู้รับบริการได้รับทราบถึงสิทธิตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค และพระราชบัญญัติความรับผิดผลิตภัณฑ์ รวมทั้งขอให้มีการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการสถานบันเทิง ในจังหวัดและกำหนดมาตรแก้ไขปัญหา รวมถึงจัดชุดเฉพาะกิจออกไปตรวจสอบตามคู่มือการตรวจสถานบริการ และรายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยรับทราบภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดแล้ว นายถาวร ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับสถานบริหารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ว่า ภาพรวมสถานบริการในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย 974 แห่ง ภูเก็ตมีมากที่สุดถึง 345 แห่ง ซึ่งมาตรการในการดูแลสถานบริการนั้นจะเน้นในเรื่องของความปลอดภัยในตัวอาคาร สถานบริหารบางแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สงบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำให้ได้รับความเสียหาย อย่ากรณีที่หาดใหญ่เมื่อเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นสถานบริการจะซบเซาไปเป็นเวลา 3-4 เดือน จากที่นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อเข้ามาใช้บริการในสถานบริการนั้น โดยเฉพาะความปลอดภัยที่เกิดจากอัคคีภัย เป็นต้น
นายถาวร กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ ทางกระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบสถานบริการได้มีมติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในการตรวจสอบสถานบริการดังต่อไปนี้ คือ ตรวจสอบอาคารสถานบริการให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด เช่น ติดตั้งถึงดับเพลิง ทางหนีไฟ สัญญานเตือนภัย ความเข้มของเสียง ระบบระบายอากาศ ทางเข้า-ออก ซึ่งในจุดนี้ได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน จากวันที่ 13 ก.พ.2552
หลังจากนั้นทางคณะกรรมการฯจะสุ่มตรวจหากพบยังมีสถานบริการยังไม่ดำเนินการตามที่กำหนด จะถือว่าเจ้าหน้าที่ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรการของกระทรวงมหาดไทย
การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการรับทราบ ถึงมาตรการที่กำหนด เพราะผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการจะไม่เข้าใจว่า ที่เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสอบนั้นก็เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการและการใช้บริการ
มาตรการนี้กำหนดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับจากวันที่ 13 ก.พ.2552 นี้เช่นกัน บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น การพักใช้ใบอนุญาตสถานบริการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งขอความร่วมมือจากผุ้ประกอบการเพราะเป็นเรื่องที่คุมครองชีวิตและการลงทุน ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับจากวันที่ 13 ก.พ.นี้
ให้รางวัลสถานบริการที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการที่กำหนด เพื่อให้สถานบริการนั้นมีมาตรฐานภายใน 50 วัน โดยการประสานให้สถาบริการนั้นเป็นสถานบริการที่น่าเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้คนเข้ามาเที่ยวมากขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการรายนั้นๆต่อไป รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบสถานบริการที่เข้าข่ายเสี่ยงเดือนละ 1 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังครบกำหนดระยะเวลาที่กำหนด ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามาตรการที่กำหนด ทางคณะกรรมการฯจะมีการสุ่มตรวจ หากพบยังไม่ดำเนินการตามที่กำหนดนั้น ถือว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ และในส่วนของผู้ประกอบการเองก็จะต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการพักใช้ใบอนุญาต การไม่ต่อใบอนุญาต เป็นต้น
นายถาวร กล่าวต่อว่า มาตรการทั้งหมดที่กำหนดให้หน่วยงานราชการและผู้ประกอบการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยและเหตุการณ์รุนแรงในสถานบริการ เพราะได้ข้อสรุปแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ซานติก้าผับ เกิดจากความหย่อนยานไม่ปฎิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชนถึง 66 คน ซึ่งถือว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มาก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนอกจากชีวิตของประชาชนแล้ว ยังทำให้เกิดความเสียหายกับเมืองนั้นๆและภาพพจน์ของประเทศด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่เชื่อมั่นในการใช้บริการสถานบริการในประเทศเรา และกรณีที่เจ้าหน้าที่บอกว่า การทำงานในเมืองท่องเที่ยวทำลำบากนั้น ตนขอให้ทำงานอยู่ในความพอดีที่ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยให้ยึดหลักคำสั่งเมื่อวันที่ 3 และ วันที่ 11 ก.พ.เป็นแนวทางในการปฏิบัติ และในเร็วๆนี้จะมีการแก้กฎกระทรวงเพื่อให้สอดรับกับภาวะปัจจุบันยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายถาวร พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจสถานบริการในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต โดยเน้นตรวจสอบอาคาร และความปลอดภัยภายในอาคารสถานบริการเป็นสำคัญ