ตรังคดีอาชญากรรมเกิดเพียบ

ตรัง - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ประชุมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในสังกัดทั้ง 16 แห่ง เพื่อติดตามการปฏิบัติงาน หลังมีคดีสำคัญๆ เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา เร่งรัดการดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนชาวตรังให้กลับคืนมา

วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ห้องประชุม ศปก.กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้เรียกประชุมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในสังกัดทั้ง 16 แห่ง เพื่อติดตามการปฏิบัติงาน หลังมีคดีสำคัญๆ เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา

โดยเฉพาะคดีที่กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามในการก่อเหตุ ทั้งในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง อำเภอห้วยยอด และอำเภอวังวิเศษ รวมทั้งคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอกันตัง และอำเภอย่านตาขาว ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันทั้งรูปคดี และกลุ่มคนร้าย ไม่ว่าจะเป็นคดีใช้อาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก ยิงถล่ม นายสมนึก ผดุงวิทย์วัฒนา หรือโกนึก ผู้จัดการแพปลาฮ่วงเพ้ง แพปลารายใหญ่ของอำเภอกันตัง เมื่อเย็นวันที่ 27 ธันวาคม 2551

คดีใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่ม นายวิโรจน์ วิเศษพงษ์พันธ์ หรือ ป๋าแบน เจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดังที่สุดในจังหวัดตรัง เซเยส ผับ เมื่อคืนวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา หรือคดีใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่ม นายสมปอง ชูปอง ผู้รับเหมางานติดตั้งระบบประปา ในพื้นที่ตำบลในเตา อำเภอห้วยยอด เมื่อเช้าวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา และล่าสุด คดีใช้อาวุธปืนคาร์บิน ยิงถล่ม นายจัด แก่นแก้ว เครือข่ายธุรกิจมืดคนดังของอำเภอวังวิเศษ เมื่อคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า สำหรับคดีใหญ่ที่เกิดขึ้นถือเป็นคดีอุฉกรรจ์และสะเทือนขวัญประชาชน อีกทั้งประชาชนมีการติดตามให้ความสนใจ เพราะหวั่นเกรงในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์ ในการใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนและติดตามทุกคดี ถือว่าเป็นคดีที่เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว ที่จะเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลเท่านั้น

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ไม่น่าจะส่งผลต่อประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน และหลายคดีมีความคลี่คลายไปมากแล้ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว สามารถจับกุมกลุ่มเครือข่ายของคนร้าย ที่มีความเชื่อมโยงทั้งในจังหวัดตรังและต่างจังหวัด อีกทั้งทราบว่าคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจลับของผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือแรงงานเถื่อน ซึ่งยากต่อการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อระงับเหตุ เนื่องจากเป็นปมเหตุเฉพาะตัวบุคคล

พล.ต.ต.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับความหนักใจต่อคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากที่สุด ก็คือ คดีที่คนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามในการก่อเหตุ เนื่องจากมีความยากในการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งสืบหาหลักฐานและสืบหาพยาน เพราะกลุ่มคนร้ายส่วนใหญ่มักจะเลือกก่อเหตุ ในช่วงที่สบโอกาสปลอดผู้คน เป็นสถานที่ที่เปลี่ยว หรือห่างจากจุดชุมชน อีกทั้งยังง่ายต่อการหลบหนีและเบี่ยงประเด็น อย่างไรก็ตาม แม้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีความยากสักเพียงใด แต่ก็จะต้องเร่งรัดการดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนชาวตรังให้กลับคืนมา