xs
xsm
sm
md
lg

มทภ.4 แถลงข่าวการวิสามัญ “อิมราน บินมะเย็ง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงข่าวการวิสามัญ “อิมราน บินมะเย็ง” พบเป็นผู้ประกอบระเบิดหลายคดีในหลายพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมยืนยันบุคคลดังกล่าวอยู่ในระดับแกนนำการก่อเหตุร้ายในพื้นที่

วันนี้ (29 ม.ค.) ที่บริเวณห้องโถง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ภายในค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว การวิสามัญ นายอิมราน บินมะเย็ง หลังจากเจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมในพื้นที่บ้านสาเลาะ ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านบาโงกูโบ ที่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ที่ 6 ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา

พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่อยู่ในบ้านได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี จึงเกิดการปะทะกันนานประมาณ 5 นาที ผู้ก่อความไม่สงบจึงแยกย้ายกันหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวไว้ได้ 1 คน

โดยผู้ก่อความไม่สงบอีก 1 คน ได้หลบหนีไปพร้อมกับนำอาวุธปืน M16 จำนวน 1 กระบอก ติดตัวไปด้วยความชำนาญในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ยังได้พบศพผู้ก่อความไม่สงบนอนเสียชีวิต ข้างลำตัวมีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ตกอยู่ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมหลักฐาน และพิสูจน์ทราบ กลุ่มบุคคลดังกล่าว

จากแฟ้มประวัติอาชญากรและบุคคล สามารถยืนยันได้ว่าผู้เสียชีวิต คือ นายอิมราน บินมะเย็ง ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ที่ 3 บ้านกวาลอซีรา ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีหมายจับตาม ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย ส่วนบุคคลที่จับกุมได้ คือนาย มูฮัมหมัดฮัมบารี มะสา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15หมู่ที่ 2บ้านเจ๊ะเก ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด กรรไกรตัดเหล็กเส้น แผ่น CD ปลุกระดม สายไฟฟ้าขนาดต่างๆ วงจรอิเลกทรอนิกส์ และชิ้นส่วนประกอบระเบิดได้จำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งคนร้ายที่เสียชีวิตในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า เป็นผู้ที่อยู่ในระดับแกนนำที่ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่

แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กล่าวว่า สำหรับผู้ก่อความไม่สงบที่เสียชีวิตรายนี้ จากฐานข้อมูลยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการ ในการก่อเหตุร้าย ในจังหวัดนราธิวาสหลายครั้ง อาทิ การวางระเบิดที่ อ.สุไหงโก-ลก หน้าร้านน้ำชาใน อ.สุคีริน มัสยิดใน อ.ระแงะ ซึ่งผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจพบ DNA ของบุคคลดังกล่าว ตรงกับหลักฐานในสถานที่เกิดเหตุ

โดยเฉพาะการก่อเหตุระเบิด ซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดนราธิวาส ผลการพิสูจน์ในครั้งนี้มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน ดังนั้น จึงขอฝากไปยังประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังหลงผิด และถูกหลอกใช้ ให้นำระเบิดไปวางในจุดต่างๆ ขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เนื่องจากการพิสูจน์หลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นสามารถที่จะตรวจสอบได้ในทุกกรณี และอย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างความไม่สงบในพื้นที่อีกต่อไป

ทางด้าน พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่า ในช่วงที่ผ่านมา มักจะมีกลุ่มชายฉกรรจ์ต่างพื้นที่เข้ามามั่วสุมในพื้นที่ดังกล่าว และทราบอีกว่า เป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยใช้บ้านหลังดังกล่าวประชุมวางแผนสั่งการ ก่อเหตุร้าย และยังลักลอบประกอบวัตถุระเบิด พร้อมกับการเคลื่อนย้ายในช่วงค่ำซึ่ง จะมีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มหนึ่ง ขับขี่รถจักรยานยนต์มารอรับ

สังเกตว่า เมื่อห่างไป 2 วันก็จะเกิดเหตุร้ายขึ้นทุกครั้ง ซึ่งชาวบ้านมีความกังวลใจ และหวาดกลัว เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในกลุ่มผู้นำท้องถิ่น จึงแจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่ได้ทราบจนนำไปสู่การดำเนินการตรวจค้นดังกล่าว สำหรับผลการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เป็นไปด้วยกระบวนการภายใต้อำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายทั้งสิ้น และยังได้รับข้อมูลข่าวสารการชี้เบาะแสจากประชาชน ที่นำไปสู่การจับกุมบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุร้าย ที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและสาธารณชน

ดังนั้น จึงขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่ต้องการนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้การดูแลสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอย่างเคร่งครัดจึงขอให้ความมั่นใจ ที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยหลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน อีกทั้งสืบสวนขยายผล เพื่อให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมารับการพิจารณาตามควรแก่โทษต่อไป

แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยังกล่าวเน้นย้ำอีกว่า การปฏิบัติการทางทหารจะกระทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น “การสูญเสียของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หรือเจ้าหน้าที่ เราไม่อยากให้เกิดขึ้นทั้งสิ้นเพราะคนเหล่านั้นก็เป็นคนไทยเหมือนกันเพียงแต่กลุ่มคนเหล่านั้นหลงผิด ถูกหลอกใช้ จากผู้ไม่หวังดีต่อประเทศไทย” และมีอาวุธยิงทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนจึงต้องมีการปะทะและสูญเสีย

สิ่งที่ปรารถนา ก็คือ ต้องการให้กลุ่มที่ยังหลงผิด หรือถูกหลอกใช้ การออกมาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ขอรับรองว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติกับคนเหล่านั้นอย่างดีภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน เพราะเราถือว่าทุกคนเป็นคนไทยเกิดในผืนแผ่นดินไทยเพียงแต่ได้หลงผิด และถูกหลอกใช้จากกลุ่มผู้ไม่หวังดี หรือกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์แอบแฝงเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น