ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รมช.คลัง ลงพื้นที่ภูเก็ตตรวจสถานที่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ ที่ดินธนารักษ์ตำบลไม้ขาว ภูเก็ต ชี้ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ แต่จะต้องมีโรงแรมรองรับ พร้อมให้ธนารักษ์ศึกษาข้อมูลการลงทุนใหม่ เหตุภาวะการณ์เปลี่ยนแปลง
วันนี้ (23 ม.ค.) นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจราชการติดตามโครงการสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.153 บริเวณหาดไม้ขาว ต.บ้านไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
พร้อมกล่าวภายหลังตรวจสอบพื้นที่ และรับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า ตามสภาพภูมิศาสตร์ของที่ดินพบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีความเหมาะสม เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณหัวเกาะติดทะเล การคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำสะดวก ไม่ไกลจากสนามบินภูเก็ต นอกจากนี้ ยังติดกับจังหวัดพังงา และไม่ไกลจากจังหวัดกระบี่มากนัก หรือแม้กระทั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงน่าจะพัฒนาให้เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ เป็นแหล่งเศรษฐกิจและสังคม เพราะศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติดังกล่าว ทางรัฐบาลมีความมุ่งหวังที่จะให้เป็นเหมือนกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือเมืองทองธานี ที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากจะมีการประชุมระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย เพราะภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงเป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่แล้ว
ดังนั้น หากมีการส่งเสริมทางด้านการประชุมสัมมนาวิชาการ เทคโนโลยีหรือนวัตกรรรมใหม่ๆ ทางด้านการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นทางด้านไอที หรืออินโนเวชันต่างๆ ขณะเดียวกัน การแสดงสินค้าต่างๆ จะเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้าน หรือพี่น้องในชุมชนที่มีสินโอทอป หรือสินค้าในตำบลได้มาจัดแสดง ซึ่งจะเป็นช่องทางการตลาดที่ดีอีกช่องทางหนึ่งของชาวบ้านและชุมชนทั้งของจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง
นายพฤฒิชัย กล่าวต่อว่า จากคำยืนยันจากรองผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส.ของพื้นที่ หรือนายก อบต.ไม้ขาว รวมทั้งชาวบ้านรอคอยโครงการนี้มาร่วมสิบปีแล้ว นอกจากนี้ ในส่วนของนายกรัฐมนตรีก็มีความมุ่งหวังในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและวิธีการหนึ่ง คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยว และภูเก็ต ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดในเรื่องของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่า หากดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการจับจ่ายซื้อสินค้าและเงินหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังทำเกิดให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ขนส่ง บริการ เป็นต้น และเศรษฐกิจของคนในพื้นที่ดีขึ้น เพราะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจคือการสร้างงานและรายได้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
นายพฤฒิชัย กล่าวว่า นอกจากศูนย์ประชุมและนิทรรศการ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตรแล้ว ควรจะมีในส่วนของโรงแรมที่พักซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตรด้วย ส่วนของการลงทุนที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอความคิดหลายหลาก โดยรูปแบบแรกให้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ลงทุนเองโดยให้งบของรัฐบาลกลางซึ่งจะมีการนำเสนอในปีงบประมาณ 2553 รูปแบบที่ 2 เป็นการร่วมทุน และรูปแบบที่ 3 ให้หน่วยงานในกำกับกระทรวงการคลัง
เช่น บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้โครงการเกิดได้เร็วขึ้นโดยอาจจะออกพันธบัตรเพื่อระดมทุน แต่แนวโน้มความเป็นไปได้ให้ทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของการผ่านงบประมาณ แต่คงต้องพิจารณารายละเอียดกันอีกครั้ง
นายพฤฒิชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ คงจะต้องมีการไปศึกษาข้อมูลที่มีการดำเนินการไว้แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยทางธนารักษ์จะต้องเข้ามาศึกษาในเรื่องของผลกระทบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุนและความเป็นไปได้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลตัวเลขและภาวะการณ์ต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ด้าน นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ได้มีความพยายามมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งขณะนี้โอกาสในการผลักดันมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทางกระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้ให้ความสนใจในการพัฒนาพื้นที่ ในส่วนของขนาดพื้นที่เดิมตกลงกันที่ประมาณ 150 ไร่ แต่อาจจะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อขยายพื้นที่เพิ่มอีกประมาณ 150 ไร่ เพื่อกันไว้สำหรับเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติและรักษาวิถีความเป็นธรรมชาติ ตลอดจนวิถีชีวิตของชาวบ้านให้สามารถมาใช้ประโยชน์จากความเป็นพื้นที่สีเขียว
ส่วนของการลงทุนหากทางภาคราชการโดยเฉพาะทางกระทรวงการคลังไม่พร้อม ก็ควรที่จะให้หน่วยงานอื่นที่มีความพร้อมมากกว่าเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ทำให้โครงการนี้เดินหน้าไปเร็วขึ้น หรืออาจจะให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุน ซึ่งอาจจะเลือกวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพื่อให้โครงการเดินหน้าไปได้ เม็ดงินก้อนแรกควรจะนำมาดำเนินการได้ประมาณ ปี 2553 ประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการปรับพื้นที่