ฆ่านักธุรกิจสถานบันเทิงเมืองตรัง

ตรัง - คดีฆ่านักธุรกิจสถานบันเทิงชื่อของตรัง เจ้าหน้าที่คาดประเด็นขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ กับประเด็นขัดแย้งส่วนตัว เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน ยังเกิดขึ้นหลายคดี เจ้าหน้าที่ระดมกำลังติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่

จากกรณีที่ 4 คนร้ายใช้รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นยานพาหนะใช้อาวุธปืนสงคราม ชนิดเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก ระดมยิงใส่รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้าแคมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน กค-6684 ตรัง ถูกนายวิโรจน์ วิเศษพงษ์พันธ์ อายุ 62 ปี หรือ ป๋าแบน นักธุรกิจสถานบันเทิงชื่อดังของจังหวัดตรัง เข้าที่บริเวณศรีษะและร่างกาย รวมประมาณ 20 นัด จนเสียชีวิตคาที่เหตุเกิดบริเวณสี่แยกตลาด อ.ต.ก.บนถนนเลี่ยงเมือง สายตรัง-สิเกา หน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง เส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองตรัง เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2552 ที่ผ่านมานั้น

วันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง ได้เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ประกอบด้วย พ.ต.ท.ชัยโรจน์ โพธิปฐม รองผู้กำกับการ ฝ่ายป้องกันปราบปราม พ.ต.ท.เธียร บาลทิพย์ รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน พ.ต.ท.วดล คงพิพัฒน์กุล สารวัตรสอบสวน พ.ต.ท.ณัฐภาคย์ นุ้ยโดด สารวัตรสืบสวน พ.ต.ต.ณฐาภพ พงศาปาน สารวัตรสืบสวนปราบปราม พ.ต.ต.อรรถพล วิภาศินนท์ สารวัตรป้องกันปราบปราม ร.ต.ท.อัฒฌณ ศรีจันทร์ รองสารวัตรสืบสวนปราบปราม และ ร.ต.ท.วัชพล วรรณะ เจ้าของคดี เพื่อติดตามกลุ่มคนร้าย ผู้จ้างวาน รวมทั้งประเด็นสังหารที่ชัดเจน

พ.ต.ท.เธียร บาลทิพย์ รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่ ด้วยการจัดแบ่งกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรังและต่างจังหวัด ที่ ป๋าแบน ผู้ตายไปมีธุรกิจอยู่ เช่น จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ส่วนปมสังหารนั้นยังคงตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ ประเด็นขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ กับประเด็นขัดแย้งส่วนตัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักไปที่ประเด็นขัดแย้งธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่เปิดเผยแถวฝั่งอันดามันเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ป๋าแบน มีธุรกิจหลายอย่าง ทั้งสถานบันเทิง ธุรกิจประมงทะเล และธุรกิจในทางลับ

โดยที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ก็จัดได้ ป๋าแบน เอาไว้ในบัญชีเช่นกันว่า เป็นผู้มีอิทธิพลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ช่วงขณะนี้ เช่น คดีคนร้ายลอบยิง นายปรีชา ตั้นซ้าย หรือ นายกเปี๊ยก อายุ 47 ปี นายก อบต.คลองลุ อำเภอกันตัง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่จะไปเกี่ยวกับกับคดีลอบยิง นายสมนึก ผดุงวิทย์วัฒน ผู้จัดการ แพปลาฮ่วงเพ้ง ของ นายวิศิษฐ์ ภมรวิศิษฐ์ หรือโกช้าง อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกันตัง จนเสียชีวิตคาบริเวณสี่แยกหน้าเทศบาลเมืองกันตัง เมื่อบ่ายวันที่ 27 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมาหรือไม่นั้น ขอยังไม่ให้รายละเอียด

รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มมือปืนที่เข้ามาสังหาร ป๋าแบน ในครั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า มาจากซุ้มต่างถิ่น และทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันใน 3 จังหวัดคือ จังหวัดตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินตัวเลขถึง 6 หลัก ซึ่งถ้าถามว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบความตื้นลึกหนาบางของคดีนี้หรือไม่ ก็ยอมรับว่าทราบ เพราะเกิดการขัดแย้งที่รุนแรงและซับซ้อน แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรวบรวมหลักฐาน เพื่อใช้ในการสาวไปให้ถึงตัวผู้จ้างวานให้ได้

สำหรับการที่มองว่าคดีสังหาร ป๋าแบน เป็นคดีสำคัญนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดูที่ว่า ผู้ตายเป็นใคร แต่จะดูถึงลักษณะการก่อเหตุมากกว่า เนื่องจากเมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม จึงจัดได้ว่า เป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญประชาชน ทางผู้บังคับบัญชาทั้งในระดับจังหวัดตรังและระดับสูงขึ้นไป ต่างก็ให้ความสนใจเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ต้องรายงานความคืบหน้าไปตามลำดับชั้นตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้ขีดเส้นเวลาทำงาน โดยให้เวลาเต็มที่ เพราะกลัวจะเกิดความผิดพลาด แต่จะต้องรอบคอบและปิดคดีสังหารโหดนี้ให้ได้

พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวยอมรับว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา มีคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญประชาชนเกิดขึ้นหลายคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พยายามติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่จังหวัดตรังด้วยกัน นอกจากนั้น ยังมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว จึงยากในการที่จะไปป้องกันมิให้เกิดเหตุขึ้นมาได้โดยง่าย แต่ก็ได้สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มมือปืน และอาวุธสงครามนั้น มีการประสานไปยังพื้นที่ใกล้เคียงในการจับกุมตัว รวมทั้งระดมกำลังทำการกวาดล้างในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง