ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเหตุเรือบรรทุกวัสดุก่อสร้างทิ้งถุงปูนลงในทะเลบริเวณแนวปะการังเทียมเกาะราชา จ.ภูเก็ต หลังเรือเรือถูกคลื่นซัดเกือบจม
วันนี้ (7 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่บริเวณอ่าวพลับพลา เกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบและสำรวจความเสียหายของแนวปะการังเทียม หลังได้รับแจ้งจากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ให้เข้าไปสำรวจความเสียหายหลังเกิดเหตุเรือบรรทุกวัสดุก่อสร้างทิ้งถุงปูนซีเมนต์ลงบนแนวปะการังเทียม
โดย นางสาวลลิตา ปัจฉิม นักวิชาการประมง 4 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กล่าวภายหลังการสำรวจพื้นที่ ว่า บริเวณที่เกิดเหตุมีถุงปูนตกอยู่บริเวณแนวปะการังเทียมโดยปูนส่วนนี้แข็งตัวแล้วแต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังเทียมมากนัก ขณะที่บริเวณใกล้กับแนวปะการังเทียมซึ่งมีปะการังบนพื้นทรายพบว่าบางส่วนในพื้นที่บริเวณกว้าง 200-300 ตารางเมตร มีฝุ่นละอองจากปูนซีเมนต์ปกคลุมปะการังเริ่มฝอกขาวและเนื้อเยื่อเริ่มตาย
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเร่งปัดฝุ่นละอองออกจากต้นปะการังก็จะลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนในพื้นที่เพื่อช่วยกันกำจัดฝุ่นละอองออกจากต้นปะการังอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 กล่าวว่า ทางศูนย์ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการบนเกาะราชาใหม่ ว่า มีเรือบรรทุกวัสดุก่อสร้างทิ้งวัสดุก่อสร้างบนแนวปะการังเทียมบริเวณอ่าวพลับพลา เกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำ หลังจากได้รับแจ้งได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการดำน้ำตรวจสอบพบว่าที่ทิ้งกระสอบปูนซีเมนต์เป็นจุดวางปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการดำน้ำ โดยบนแนวปะการังธรรมชาติพบบริเวณกองปะการังเทียมมีกองกระสอบปูนวางอยู่ระหว่างกองปะการังเทียมประมาณ 5-10 กระสอบ และวางกระจัดกระจายประมาณ 3-4 กอง
ส่วนปะการังธรรมชาติซึ่งเป็นจำพวกปะการังโขดที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นทรายมีเศษฝุ่นปูนและหินที่ใช้ในงานก่อสร้างปกคลุมอยู่ทั่ว และบนพื้นทรายมีเศษผงปูนกระจายประมาณ 10 คูณ 20 เมตร และอยู่ห่างจากแนวปะการังและโขดหินชายฝั่งประมาณ 30 เมตร ซึ่งเศษผงปูนซีเมนต์ที่ปกคลุมปะการังนั้นส่งผลให้ปะการังเริ่มฝอกขาวและตายบางส่วน
ส่วนการแก้ไปปัญหาในเบื้องต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บเศษแผ่นพลาสติกและเศษกระสอบปูนก้อนปูนที่ทับบนปะการังออก และปัดตะกอนผงปูนที่ปกคลุมบนปะการังออกได้บางส่วน และได้มีการประสานกับเจ้าของแพให้ดำเนินการเก็บกู้เศษปูนและวัสดุส่วนที่เหลือออกจากกองปะการังเทียมโดยเร็ว เนื่องจากเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไปดำน้ำจำนวนมาก โดยเจ้าของแพรับจะดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนสาเหตุการทิ้งกระสอบปูนลงบริเวณแนวปะการังนั้น นายไพทูล กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ควบคุมเรือทราบว่าแพดังกล่าวบรรทุกวัสดุก่อสร้างไปส่งให้กับโครงการก่อสร้างบริเวณอ่าวสยาม เนื่องจากขณะที่รอขนของขึ้นฝั่งมีคลื่นลมแรงและมีน้ำมันรั่วเข้าไปในท้องแพ จึงได้นำเรือแล่นไปหลบที่อ่าวพลับพลาเพื่อดูดน้ำออก แต่น้ำได้ไหลเข้าอย่างรวดเร็ว ทำให้แพเอียงและน้ำเริ่มท่วมถึงกองวัสดุจึงได้ใช้รถแบ็กโฮตักกระสอบปูนทิ้งลงทะเลประมาณ 30 กระสอบ เพื่อช่วยให้แพเบาและลอยตัวขึ้นจึงสามารถดูดน้ำออกและอุดรอยรั่วแพได้ทันก่อนที่จะจม
วันนี้ (7 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่บริเวณอ่าวพลับพลา เกาะราชา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบและสำรวจความเสียหายของแนวปะการังเทียม หลังได้รับแจ้งจากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ให้เข้าไปสำรวจความเสียหายหลังเกิดเหตุเรือบรรทุกวัสดุก่อสร้างทิ้งถุงปูนซีเมนต์ลงบนแนวปะการังเทียม
โดย นางสาวลลิตา ปัจฉิม นักวิชาการประมง 4 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กล่าวภายหลังการสำรวจพื้นที่ ว่า บริเวณที่เกิดเหตุมีถุงปูนตกอยู่บริเวณแนวปะการังเทียมโดยปูนส่วนนี้แข็งตัวแล้วแต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังเทียมมากนัก ขณะที่บริเวณใกล้กับแนวปะการังเทียมซึ่งมีปะการังบนพื้นทรายพบว่าบางส่วนในพื้นที่บริเวณกว้าง 200-300 ตารางเมตร มีฝุ่นละอองจากปูนซีเมนต์ปกคลุมปะการังเริ่มฝอกขาวและเนื้อเยื่อเริ่มตาย
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเร่งปัดฝุ่นละอองออกจากต้นปะการังก็จะลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนในพื้นที่เพื่อช่วยกันกำจัดฝุ่นละอองออกจากต้นปะการังอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 กล่าวว่า ทางศูนย์ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการบนเกาะราชาใหม่ ว่า มีเรือบรรทุกวัสดุก่อสร้างทิ้งวัสดุก่อสร้างบนแนวปะการังเทียมบริเวณอ่าวพลับพลา เกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำ หลังจากได้รับแจ้งได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยการดำน้ำตรวจสอบพบว่าที่ทิ้งกระสอบปูนซีเมนต์เป็นจุดวางปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการดำน้ำ โดยบนแนวปะการังธรรมชาติพบบริเวณกองปะการังเทียมมีกองกระสอบปูนวางอยู่ระหว่างกองปะการังเทียมประมาณ 5-10 กระสอบ และวางกระจัดกระจายประมาณ 3-4 กอง
ส่วนปะการังธรรมชาติซึ่งเป็นจำพวกปะการังโขดที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นทรายมีเศษฝุ่นปูนและหินที่ใช้ในงานก่อสร้างปกคลุมอยู่ทั่ว และบนพื้นทรายมีเศษผงปูนกระจายประมาณ 10 คูณ 20 เมตร และอยู่ห่างจากแนวปะการังและโขดหินชายฝั่งประมาณ 30 เมตร ซึ่งเศษผงปูนซีเมนต์ที่ปกคลุมปะการังนั้นส่งผลให้ปะการังเริ่มฝอกขาวและตายบางส่วน
ส่วนการแก้ไปปัญหาในเบื้องต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บเศษแผ่นพลาสติกและเศษกระสอบปูนก้อนปูนที่ทับบนปะการังออก และปัดตะกอนผงปูนที่ปกคลุมบนปะการังออกได้บางส่วน และได้มีการประสานกับเจ้าของแพให้ดำเนินการเก็บกู้เศษปูนและวัสดุส่วนที่เหลือออกจากกองปะการังเทียมโดยเร็ว เนื่องจากเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไปดำน้ำจำนวนมาก โดยเจ้าของแพรับจะดำเนินการโดยเร็ว
ส่วนสาเหตุการทิ้งกระสอบปูนลงบริเวณแนวปะการังนั้น นายไพทูล กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ควบคุมเรือทราบว่าแพดังกล่าวบรรทุกวัสดุก่อสร้างไปส่งให้กับโครงการก่อสร้างบริเวณอ่าวสยาม เนื่องจากขณะที่รอขนของขึ้นฝั่งมีคลื่นลมแรงและมีน้ำมันรั่วเข้าไปในท้องแพ จึงได้นำเรือแล่นไปหลบที่อ่าวพลับพลาเพื่อดูดน้ำออก แต่น้ำได้ไหลเข้าอย่างรวดเร็ว ทำให้แพเอียงและน้ำเริ่มท่วมถึงกองวัสดุจึงได้ใช้รถแบ็กโฮตักกระสอบปูนทิ้งลงทะเลประมาณ 30 กระสอบ เพื่อช่วยให้แพเบาและลอยตัวขึ้นจึงสามารถดูดน้ำออกและอุดรอยรั่วแพได้ทันก่อนที่จะจม