ศูนย์ข่าวหาดใหญ่- “นายกสภาอุตสาหกรรมไม้ยางพาราภาคใต้” เผย เศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบเกษตรกรชาวสวนอย่างหนัก ทำทยอยตัดต้นยางทิ้งขายไม้แทน เตือนผู้ประกอบการอย่ารับซื้อมากเกินไป รอรัฐบาลใหม่อุ้ม
นายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมสมาชิกอุตสาหกรรมไม้ยางพาราภาคใต้ พบว่า ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ราคายางพาราต่ำลง เกษตรกรชาวสวนยางพาราส่วนใหญ่โค่นต้นยางพาราขายให้กับโรงงานแปรรูปไม้ยางพารากันมาก และมีการรับซื้อไม้ยางพาราไว้เกินความจำเป็น จึงเกิดการแข่งขันกันในธุรกิจไม้ยางพาราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไม้ยางพาราตกต่ำลง
ทั้งนี้ เชื่อว่า ในต้นปี 2552 จะมีการชะลอตัวของตลาดการส่งออกไม้ยางพารา และตลาดโลกผันผวน จะส่งผลต่อการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยแน่นอน สภาวะจะกลับสู่ปกติในช่วงใด ขึ้นอยู่กับแนวโน้มตลาดโลกในอนาคต
สมาคมฯ จึงขอเตือนให้สมาชิกผู้ประกอบการ อย่าเพิ่งซื้อไม้ยางพาราจากเกษตรกรมากจนเกินการสั่งซื้อจากลูกค้า หากในช่วงสั้นๆ นี้ ยังไม่มีการสั่งซื้อจากลูกค้า ผู้ประกอบการไม่ควรเร่งกำลังการผลิตสินค้าให้ออกมา เพื่อการจำหน่าย อาจจะประสบปัญหาการขาดทุน แต่สิ่งที่สมาชิกควรทำ คือ การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ไว้ว่า ใน 2-3 เดือนข้างหน้า จะมีผู้ประกอบการประมาณร้อยละ 30 จะหยุดกิจการชั่วคราว เพื่อดูท่าที่ของตลาดโลก ขอให้รัฐบาลชุดใหม่หามาตรการช่วยเหลือ ไม่ว่า เงินกู้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ และประกันไม้ยางพารา เพื่อรองรับปัญหาอุตสาหกรรมไม้ยางพารา
นายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมสมาชิกอุตสาหกรรมไม้ยางพาราภาคใต้ พบว่า ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ราคายางพาราต่ำลง เกษตรกรชาวสวนยางพาราส่วนใหญ่โค่นต้นยางพาราขายให้กับโรงงานแปรรูปไม้ยางพารากันมาก และมีการรับซื้อไม้ยางพาราไว้เกินความจำเป็น จึงเกิดการแข่งขันกันในธุรกิจไม้ยางพาราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาไม้ยางพาราตกต่ำลง
ทั้งนี้ เชื่อว่า ในต้นปี 2552 จะมีการชะลอตัวของตลาดการส่งออกไม้ยางพารา และตลาดโลกผันผวน จะส่งผลต่อการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยแน่นอน สภาวะจะกลับสู่ปกติในช่วงใด ขึ้นอยู่กับแนวโน้มตลาดโลกในอนาคต
สมาคมฯ จึงขอเตือนให้สมาชิกผู้ประกอบการ อย่าเพิ่งซื้อไม้ยางพาราจากเกษตรกรมากจนเกินการสั่งซื้อจากลูกค้า หากในช่วงสั้นๆ นี้ ยังไม่มีการสั่งซื้อจากลูกค้า ผู้ประกอบการไม่ควรเร่งกำลังการผลิตสินค้าให้ออกมา เพื่อการจำหน่าย อาจจะประสบปัญหาการขาดทุน แต่สิ่งที่สมาชิกควรทำ คือ การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ไว้ว่า ใน 2-3 เดือนข้างหน้า จะมีผู้ประกอบการประมาณร้อยละ 30 จะหยุดกิจการชั่วคราว เพื่อดูท่าที่ของตลาดโลก ขอให้รัฐบาลชุดใหม่หามาตรการช่วยเหลือ ไม่ว่า เงินกู้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ และประกันไม้ยางพารา เพื่อรองรับปัญหาอุตสาหกรรมไม้ยางพารา
