ตรัง - ตร.เมืองตรังรับแจ้งเหตุคนร้ายลักลอบเข้าบริษัท ตรังฮอนด้าคาร์ งัดตู้เซฟกวาดเงินกว่า 10,000 บาท เจ้าของโชว์รูมรับ 10 ปีที่แล้วเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หลังตรวจที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เก็บลายนิ้วมือ และรอยรองเท้าของคนร้ายไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวน
วันนี้ (21 ธ.ค.) ร.ต.ท.เอกลักษณ์ จิตชาญวิชัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์ภายในตู้เซฟของบริษัท ตรังฮอนด้าคาร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 62/9 ริมถนนสายตรัง-ปะเหลียน หมู่ที่ 4 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าของ จ.ตรัง จึงได้นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ นายจิระศักดิ์ สารสินพิทักษ์ อายุ 38 ปี ผู้บริหารซึ่งเป็นเจ้าของโชว์รูมดังกล่าวได้นำเจ้าหน้าตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในห้องทำงาน พบว่าตู้เซฟดังกล่าวซึ่งเก็บไว้ภายในห้องเก็บของใต้ชั้นบันได ถูกคนร้ายยกออกมาทุบบริเวณหลังโต๊ะทำงานของ นายจิระศักดิ์ โดยใช้เหล็กสกัดบริเวณด้านบน แล้วใช้ของแข็งซึ่งคาดว่าจะเป็นค้อนทุบตีจนด้านบนของตู้เซฟขาดออกจากกัน ทำให้เศษเหล็กและปูนซีเมนต์กระจายเกลื่อนทั่วห้อง
จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุรอบโชว์รูม พบว่าคนร้ายได้ลักลอบเข้ามาทางปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ซึ่งตั้งอยู่ติดกัน โดยมีกำแพงและรั้วลวดหนามล้อมรอบ โดยคนร้ายได้ใช้ของมีคมตัดรั้วลวดหนามด้านบน แล้วลอดตัวเข้าไปบริเวณทางเดินด้านนอกของโชว์รูม จากนั้นได้ใช้ของมีคมตัดช่องระบายอากาศ ซึ่งทำด้วยอลูนิเนียมอย่างแน่นหนาจำนวน 2 ช่อง เพื่อลอดตัวเข้าไปภายในอาคารลานซ่อมรถของลูกค้า
ต่อจากนั้นคนร้ายได้ทำการงัดแงะหน้าต่างบานเลื่อนเพื่อเข้าไปภายในตัวโชว์รูมที่จอดรถยนต์ ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของผู้บริหาร แล้วยกตู้เซฟที่วางไว้ในห้องเก็บของออกมาทุบทำลายเพื่อค้นหาทรัพย์สิน ซึ่งปรากฏว่า ภายในมีเงินสด ที่เป็นธนบัตรย่อยชนิดต่างๆ และเหรียญทุกขนาด รวมมูลค่าทั้งหมด 10,000 บาทเศษ
นายแนม จิตรละเอียด อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 2 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นยามรักษาความปลอดภัยของ บริษัท เจอาร์ซีเคียวริตี้การ์ด จำกัด ที่ทำหน้าที่ดูแลโชว์รูมดังกล่าว ให้การว่า เหตุการณ์คงเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้น ตนเองได้เดินตรวจตรา และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ กระทั่งตอนเช้าเมื่อพนักงานเข้าไปตรวจเช็คสต๊อคสินค้า จึงได้รู้ว่ามีคนร้ายเข้าไปงัดแงะภายในโชว์รูม
นายจิระศักดิ์ กล่าวว่า ปกติเงิน หรือของมีค่าใดๆ ตนเองไม่จะเก็บไว้ในตู้เซฟ ประกอบกับปัจจุบันนี้ลูกค้าจะใช้บัตรเครดิต หรือโอนผ่านธนาคารโดยตรงจึงไม่ต้องทำการเก็บเงินสดในตู้เซฟเหมือนเมื่อก่อน ส่วนเงินที่มีเหลืออยู่บ้าง และคนร้ายได้ในครั้งนี้เป็นเงินที่ทางบริษัทเก็บไว้สำหรับใช้ทอนให้กับลูกค้า และเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นคนร้ายก็ไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บลายนิ้วมือ และรอยรองเท้าของคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคาดว่าจะมี 3 คน และใช้เวลาในการลงมือราว 1 ชั่วโมง โดยการใช้เหล็กสกัด และใช้ค้อนทุบ เพื่อเปิดตู้เซฟ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากห้องผู้บริหารมิได้เป็นห้องที่เก็บเสียง ส่วนคนร้ายก็ไม่ได้ไปรื้อค้นทรัพย์สินอย่างอื่นเลย และพุ่งเป้าไปที่ตู้เซฟเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะมีคนในรู้เห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป