สุราษฎร์ธานี - ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ภาพสเกตช์โฉมหน้า 2 คนร้ายบุกปล้นร้านทองกลางเมืองได้แล้ว ด้านผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้มป้องกันเหตุร้ายซ้ำซ้อน คุยไม่เกิน 7 วัน จับตัวได้แน่
วันนี้ (11 ม.ค.) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ห้างทองซินเฮง 2 เลขที่ 431/2 ถนนชนเกษม เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี พร้อมสอบถามนางวราภรณ์ ถาวรพงศ์สถิต อายุ 57 ปี เจ้าของร้านที่ถูก 2 คนร้าย สวมหมวกกันน๊อก ขับรถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเหลือง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกเข้ามาในร้าน และใช้อาวุธปืนจี้นางวราภรณ์ไม่ไห้ขัดขืน คนร้ายอีกคนใช้ค้อนเข้าทุบกระจกตู้โชว์กวาดทองคำรูปพรรณไปได้ 30 บาท มูลค่าเกือบ 400,000 บาท แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างลอยนวล จากการตรวจสอบพบว่าทางร้านไม่มีการติดตั้งทีวีวงจรปิดและสัญญาณแจ้งเหตุขัดข้อง
ทั้งนี้ หลังจากตรวจสอบพื้นที่แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มในการตรวจตรารักษาความปลอดภัยพื้นที่ พร้อมตรวจความพร้อมอุปกรณ์ป้องกันเหตุ
ขณะที่นางวราภรณ์ ถาวรพงศ์สถิต กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุแล้วร้านตนต้องปิดกิจการลงอย่างถาวร เนื่องจากทองเหลืออยู่น้อย และไม่มั่นใจในความปลอดภัย
ทางด้านการสืบสวนสอบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายทราบว่า ขณะก่อเหตุคนร้ายทั้ง 2 คน ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกจึงสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ ประกอบกับพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุมีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ว่าคนร้ายวิ่งออกจากร้านมาสวมหมวกที่รถก่อนขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสามารถเก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายได้จำนวนมากในที่เกิดเหตุ
ล่าสุดวันนี้ (11 ม.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถสเก็ตภาพ 2 คนร้าย ที่ลงมือก่อเหตุได้แล้ว โดยคนร้ายรายแรก ที่ลงมือใช้อาวุธปืนจี้เจ้าทรัพย์ รูปร่างเตี้ย ผิวดำ ตัวเตี้ยสูงประมาณ 160 เซนติเมตร คนร้ายคนที่ 2 ที่ใช้ค้อนทุบกระจกตู้โชว์กวาดสร้อยทองคำ รูปร่างสูงผิวขาว ใบหน้ายาว สูงประมาณ 165 เซนติเมตร
ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายทั้ง 2 คนเป็นมือสมัครเล่นไม่ใช่มืออาชีพ หลังก่อเหตุแล้วคาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่ ส่วนสร้อยคอทองคำรูปพรรณคนร้ายเอาไปได้ประมาณ 30 บาท ส่วนที่เหลือตกเรี่ยราดอยู่ในที่เกิดเหตุ
ขณะนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 และชุดสืบสวนกองกำกับการภูธรจังหวัด พร้อมทั้งชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กว่า 100 นาย ลงพื้นที่ติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไม่เกิน 7 วันจะสามารถจับกุมตัวได้
