ชุมพร - ใช้ 11 มม.รัวยิง “ช้าง ทุ่งตะโก” ผู้กว้างขวาง น้องชายผู้ใหญ่บ้านคนสนิทนักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ จากนั้นนำศพไปทิ้งกลางถนนอำพรางคดี
เมื่อเวลา 00.15 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) ร.ต.ท.พีระพล พิกุล ร้อยเวร สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งพบศพคนถูกยิงที่ ที่บริเวณถนนใกล้ป่าพรุ บ้านบางมุด หมู่ที่ 6 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิพนธ์ รัตนศิริแสงโชติ สวญ.สภ.ปากน้ำหลังสวน พ.ต.ท.นิคม หฤรักษ์ สว.สป. พ.ต.ท.วิชัย จำปา สวป. พ.ต.ต.ฉัตรชัย หมื่นภักดี สว.สส.และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนลูกรังใกล้ป่าพรุ และสวนปาล์มน้ำมัน พบรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ มิตซูบิซิ รุ่นไทรตอน สีดำ ทะเบียน บธ 3278 ชุมพร จอดอยู่กลางถนน บริเวณพื้นถนนใกล้กับกระบะหลังรถยนต์ มีศพทราบชื่อ นายกิตติพร เกตุแก้ว อายุ 36 ปี หรือ ช้าง ทุ่งตะโก อยู่บ้านเลขที่ 210 หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร อาชีพทำสวน นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนนบริเวณดังกล่าว
สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีครีม นุ่งกางเกงยีนส์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่ท้ายทอยทะลุกลางหน้าผากซ้าย 1 นัด เอวซ้าย 1 นัด ซี่โครงซ้าย 2 นัด ข้อศอกซ้าย 1 นัด แขนซ้าย 1 นัด รวม 6 นัด ที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยเขียวคล้ำบวมปูดคล้ายถูกทำร้าย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบที่กระบะหลังรถยนต์มีเลือดไหลนองไปทั่ว และมีถุงเนื้อหมู ถุงกับข้าว วางกองอยู่ ภายในเก๋งหน้ารถมีถุงขนม และกุญแจรถเสียบคาไว้ นอกจากนั้น ไม่พบมีร่องรอยการต่อสู้บริเวณจุดที่พบศพ มีเพียงเศษกระดาษหนังสือพิมพ์เปื้อนเลือดจำนวนหนึ่ง ลักษณะคล้ายคนร้ายใช้สำหรับห่อจับร่างของผู้ตาย แล้วลากลงมาจากกระบะรถทิ้งไว้บริเวณถนนในที่เกิดเหตุ
ต่อมาตำรวจได้นำ นางวราภรณ์ ช่วยเพชร อายุ 23 ปี ภรรยาของ นายกิตติพร ผู้ตาย ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพถึงกับร่ำไห้ พร้อมกับยืนยันว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของ นายกิตติพรสามีตนเอง พร้อมกับให้การว่าได้อยู่กินกันมานานเกือบ 1 ปี จนตนเองใกล้จะคลอดลูกช่วงสิ้นเดือนนี้
เมื่อเย็นวานที่ผ่านมา นายกิตติพร ได้ออกจากบ้านที่ อ.ทุ่งตะโก ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 20 กม.ได้บอกกับตนว่า จะไปกินข้าวกับพี่ชายของตนเองในพื้นที่ ต.ปากน้ำหลังสวน แล้วก็หายเงียบไป ตนจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พี่ชาย นายกิตติพร และได้รับคำตอบว่า หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้วได้แยกทางกันกับ นายกิตติพร จนกระทั่งมาทราบว่าถูกฆ่าตายดังกล่าวแล้ว
ส่วนสาเหตุการสังหารโหดในครั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายกิตติพร ผู้ตาย มีฉายาที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ช้าง ทุ่งตะโก” เป็นคนกว้างขวาง ใจถึง และเป็นน้องชายของ นายธวัช เกตุแก้ว หรือ “ผู้ใหญ่ยาน” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบุคคลมีชื่อเสียงกว้างขวางเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ทุ่งตะโก มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับจังหวัด และ ระดับชาติหลายคน
ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐาน ว่า อาจจะมาจากเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว และปัญหาแนวเขตที่ดินที่ผู้ตายได้ซื้อที่ดินป่าพรุจำนวนหลายไร่ไว้ทำสวนปาล์มในพื้นที่ ต.ปากน้ำหลังสวน และได้มีปัญหาขัดแย้งเรื่องแนวเขตที่ดินกับผู้กว้างขวางรายหนึ่งในพื้นที่
ทั้งนี้ คาดว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตาย ได้มาดักรอระหว่างทาง ขณะที่ นายกิตติพร กำลังขับรถยนต์กลับบ้านที่ อ.ทุ่งตะโก เพื่อเจรจาพูดคุยปัญหาแต่ตกลงกันไม่ได้ จึงได้รุมทำร้าย แล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง จนตายคาที่ จากนั้นได้ช่วยกันหามร่าง นายกิตติพร ขึ้นหลังกระบะรถ แล้วขับนำมาทิ้งไว้ ในที่เกิดเหตุเพื่ออำพรางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งคลี่คลายปมสังหาร เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป
เมื่อเวลา 00.15 น.วันนี้ (14 ธ.ค.) ร.ต.ท.พีระพล พิกุล ร้อยเวร สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งพบศพคนถูกยิงที่ ที่บริเวณถนนใกล้ป่าพรุ บ้านบางมุด หมู่ที่ 6 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิพนธ์ รัตนศิริแสงโชติ สวญ.สภ.ปากน้ำหลังสวน พ.ต.ท.นิคม หฤรักษ์ สว.สป. พ.ต.ท.วิชัย จำปา สวป. พ.ต.ต.ฉัตรชัย หมื่นภักดี สว.สส.และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนลูกรังใกล้ป่าพรุ และสวนปาล์มน้ำมัน พบรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อ มิตซูบิซิ รุ่นไทรตอน สีดำ ทะเบียน บธ 3278 ชุมพร จอดอยู่กลางถนน บริเวณพื้นถนนใกล้กับกระบะหลังรถยนต์ มีศพทราบชื่อ นายกิตติพร เกตุแก้ว อายุ 36 ปี หรือ ช้าง ทุ่งตะโก อยู่บ้านเลขที่ 210 หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร อาชีพทำสวน นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนนบริเวณดังกล่าว
สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีครีม นุ่งกางเกงยีนส์ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.ที่ท้ายทอยทะลุกลางหน้าผากซ้าย 1 นัด เอวซ้าย 1 นัด ซี่โครงซ้าย 2 นัด ข้อศอกซ้าย 1 นัด แขนซ้าย 1 นัด รวม 6 นัด ที่บริเวณใบหน้ามีร่องรอยเขียวคล้ำบวมปูดคล้ายถูกทำร้าย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบที่กระบะหลังรถยนต์มีเลือดไหลนองไปทั่ว และมีถุงเนื้อหมู ถุงกับข้าว วางกองอยู่ ภายในเก๋งหน้ารถมีถุงขนม และกุญแจรถเสียบคาไว้ นอกจากนั้น ไม่พบมีร่องรอยการต่อสู้บริเวณจุดที่พบศพ มีเพียงเศษกระดาษหนังสือพิมพ์เปื้อนเลือดจำนวนหนึ่ง ลักษณะคล้ายคนร้ายใช้สำหรับห่อจับร่างของผู้ตาย แล้วลากลงมาจากกระบะรถทิ้งไว้บริเวณถนนในที่เกิดเหตุ
ต่อมาตำรวจได้นำ นางวราภรณ์ ช่วยเพชร อายุ 23 ปี ภรรยาของ นายกิตติพร ผู้ตาย ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นศพถึงกับร่ำไห้ พร้อมกับยืนยันว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของ นายกิตติพรสามีตนเอง พร้อมกับให้การว่าได้อยู่กินกันมานานเกือบ 1 ปี จนตนเองใกล้จะคลอดลูกช่วงสิ้นเดือนนี้
เมื่อเย็นวานที่ผ่านมา นายกิตติพร ได้ออกจากบ้านที่ อ.ทุ่งตะโก ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 20 กม.ได้บอกกับตนว่า จะไปกินข้าวกับพี่ชายของตนเองในพื้นที่ ต.ปากน้ำหลังสวน แล้วก็หายเงียบไป ตนจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พี่ชาย นายกิตติพร และได้รับคำตอบว่า หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้วได้แยกทางกันกับ นายกิตติพร จนกระทั่งมาทราบว่าถูกฆ่าตายดังกล่าวแล้ว
ส่วนสาเหตุการสังหารโหดในครั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายกิตติพร ผู้ตาย มีฉายาที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ช้าง ทุ่งตะโก” เป็นคนกว้างขวาง ใจถึง และเป็นน้องชายของ นายธวัช เกตุแก้ว หรือ “ผู้ใหญ่ยาน” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบุคคลมีชื่อเสียงกว้างขวางเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ทุ่งตะโก มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับจังหวัด และ ระดับชาติหลายคน
ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐาน ว่า อาจจะมาจากเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว และปัญหาแนวเขตที่ดินที่ผู้ตายได้ซื้อที่ดินป่าพรุจำนวนหลายไร่ไว้ทำสวนปาล์มในพื้นที่ ต.ปากน้ำหลังสวน และได้มีปัญหาขัดแย้งเรื่องแนวเขตที่ดินกับผู้กว้างขวางรายหนึ่งในพื้นที่
ทั้งนี้ คาดว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตาย ได้มาดักรอระหว่างทาง ขณะที่ นายกิตติพร กำลังขับรถยนต์กลับบ้านที่ อ.ทุ่งตะโก เพื่อเจรจาพูดคุยปัญหาแต่ตกลงกันไม่ได้ จึงได้รุมทำร้าย แล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง จนตายคาที่ จากนั้นได้ช่วยกันหามร่าง นายกิตติพร ขึ้นหลังกระบะรถ แล้วขับนำมาทิ้งไว้ ในที่เกิดเหตุเพื่ออำพรางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งคลี่คลายปมสังหาร เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป
