ตรัง – ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลต่อผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ในจังหวัดตรัง ก็ยังคงหยุดกิจการ หรือบางรายก็มีการยกเลิกกิจการ สาเหตุมาจากการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ ทำให้สัตว์น้ำลดจำนวนลงและราคาสัตว์น้ำลดลงกว่า 30%
หลังจากที่ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ในจังหวัดตรัง ได้หยุดออกทำประมงมาแล้วเป็นระยะเวลานานกว่า 8 เดือน เนื่องจากน้ำมันมีการปรับราคาขึ้นกว่า 50% และน้ำมันก็ถือเป็นต้นทุนการผลิตหลัก ในการทำประมงพาณิชย์ หรือกว่าร้อยละ 80 นั้น ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในขณะนี้จะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ในจังหวัดตรัง ก็ยังคงหยุดกิจการหรือบางรายก็มีการยกเลิกกิจการไปแล้วก่อนหน้านี้แล้ว
นายสมพล จิโรจน์มนตรี นายกสมาคมชาวประมง อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวว่า ในปัจจุบันแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันจะมีการปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ประมาณลิตรละ 21-22 บาท แต่เรือประมงพาณิชย์ใน อ.กันตัง ที่ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ทั้งหมด 400 ลำ ส่วนใหญ่ก็ยังคงหยุดกิจการ หรือกว่า 70% แม้ว่าราคาต้นทุนการผลิตจะลดต่ำลงก็ตามเนื่องจากผลที่ได้รับนั้นไม่คุ้มในการลงทุน ประกอบกับราคาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการประกอบกิจการเช่น อวน เหล็ก และสลิง ยังคงมีราคาที่สูงขึ้น จากเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นอกจากราคาต้นทุนที่ยังคงอยู่ในปริมาณที่สูงแล้วนั้น ราคาสัตว์น้ำที่ขายให้กับทางโรงงานเพื่อการส่งออกก็ยังคงมีราคาที่ลดลงกว่าเดิมถึงกว่า 30% หรือจากเดิมที่เคยมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ก็จะเหลือเพียงแค่กิโลกรัมละ 20 บาทเท่านั้น ส่วนปลาที่นำมาจำหน่ายเพื่อบริโภคนั้นก็มีปริมาณที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งที่มีสภาพทางธรรมชาติเสื่อมโทรมเพราะโรงงานต่างๆ มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ จึงทำให้ไม่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ในพื้นที่ทำการประมงเหมือนเดิม ดังนั้น ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ในจังหวัดตรังจึงยังคงต้องหยุดดำเนินกิจการต่อไปอีกในช่วงระยะนี้