นครศรีธรรมราช - ใบปลิวเกลื่อนนครศรีฯนัดไล่ ผวจ.-2 นายอำเภอหึ่ง ส่ออุ้ม 2 คนดังฝ่ายปกครองงัดข้อตำรวจ ผบก.รับอึดอัดทำคดี หลัง 2 นายอำเภอกระโดดล้วงลูกอ้างระเบียบมหาดไทยคุม
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ได้มีใบปลิวจำนวนมากแจกจ่ายไปตามร้านน้ำชา และแหล่งชุมชนสำคัญจุดต่างๆ ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จำนวนมาก โดยในเนื้อหาใบปลิวดังกล่าวนั้น ได้ระบุหัวเรื่องว่า “ถึงเวลาต้องไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้ง” และมีการแนบหนังสือซึ่งออกโดยนายอำเภอชะอวด และนายอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ส่งไปยังสถานีตำรวจของทั้ง 2 อำเภอเพื่อเข้าควบคุมคดี ของผู้กว้างขวางที่ละ 1 คดี รวม 2 คดี
โดยสรุปเนื้อความที่สำคัญได้ว่า หลังจากที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ย้ายมายังนครศรีธรรมราช ได้กระทำการในทำนองอุ้มผู้กว้างขวางที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลที่กำลังถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี โดยอาศัยกฎกระทรวงเพื่อปกป้องบุคคลทั้ง 2 ราย และมีการเรียกร้องให้ประชาชนที่ได้รับใบปลิวนั้นออกมาไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั้ง 2 ราย ก่อนที่จะลงท้ายอ้างชื่อกลุ่มคนรักเมืองคอน ส่วนสำเนาเอกสารหนังสือราชการที่แนบกับใบปลิวทั้งสองฉบับนั้นเป็นหนังสือราชการมีเลขที่และการลงรับหนังสือเรียบร้อยทั้งสองฉบับ
ในเรื่องดังกล่าว พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของใบปลิวนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วและเร่งสืบหาต้นตอว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้แค่เพียงให้อยู่ในกรอบของกฎหมายเท่านั้น ในส่วนของตำรวจที่ทำคดีเกี่ยวกับผู้กว้างขวางทั้งสองคดีที่ถูกอ้างถึงในใบปลิวนั้นเดิมรอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราชทั้ง 3 นาย ได้เข้าไปดูแลให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และภายหลังฝ่ายปกครองได้เข้ามาควบคุมคดีเองทั้งสองคดีคือคดีที่ อ.ชะอวด และคดีที่ อ.ร่อนพิบูลย์ โดยนายอำเภอในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน และมีอำนาจในการทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องหรือสั่งงดการสอบสวนเพื่อส่งให้อัยการพิจารณา
“เมื่อมีระเบียบที่ฝ่ายปกครองเข้ามาควบคุมคดีได้เราต้องยอมรับ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีปัญหาในช่วงสั่งฟ้องหรือไม่ตรงนั้นต้องดูต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ตำรวจนั้นพูดมากไม่ได้ และถ้าจะดุกันไปนั้นต้องไปดุกันถึงภาพกว้างที่อาจจะต้องนำไปถึงขั้นของการแก้กฎหมาย”
ขณะที่ พ.ต.อ.อรรถพล เปล่งวิทยา รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในช่วงที่ฝ่ายปกครองเข้ามาคุมคีดนั้น ทางพนักงานสอบสวนของตำรวจได้ดำเนินการไปไกลแล้วมีการรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนเพื่อขอหมายจับจากศาลและศาลได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต้องดูที่พยานหลักฐาน และตำรวจต้องมีส่วนร่วมแต่ต้องฟังฝ่ายปกครอง ซึ่งยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดพอสมควรในการทำคดี
ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดของ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สำหรับใบปลิวที่ออกมาตั้งแต่เช้านี้นั้น นายภาณุ ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด ส่วนฝ่ายปกครองที่เข้าคุมคดีนั้นว่าไปตามระเบียบขั้นตอน และไม่ได้มีการสั่งการเป็นพิเศษแต่อย่างใด
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ได้มีใบปลิวจำนวนมากแจกจ่ายไปตามร้านน้ำชา และแหล่งชุมชนสำคัญจุดต่างๆ ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช จำนวนมาก โดยในเนื้อหาใบปลิวดังกล่าวนั้น ได้ระบุหัวเรื่องว่า “ถึงเวลาต้องไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดอีกครั้ง” และมีการแนบหนังสือซึ่งออกโดยนายอำเภอชะอวด และนายอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ส่งไปยังสถานีตำรวจของทั้ง 2 อำเภอเพื่อเข้าควบคุมคดี ของผู้กว้างขวางที่ละ 1 คดี รวม 2 คดี
โดยสรุปเนื้อความที่สำคัญได้ว่า หลังจากที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ย้ายมายังนครศรีธรรมราช ได้กระทำการในทำนองอุ้มผู้กว้างขวางที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลที่กำลังถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี โดยอาศัยกฎกระทรวงเพื่อปกป้องบุคคลทั้ง 2 ราย และมีการเรียกร้องให้ประชาชนที่ได้รับใบปลิวนั้นออกมาไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั้ง 2 ราย ก่อนที่จะลงท้ายอ้างชื่อกลุ่มคนรักเมืองคอน ส่วนสำเนาเอกสารหนังสือราชการที่แนบกับใบปลิวทั้งสองฉบับนั้นเป็นหนังสือราชการมีเลขที่และการลงรับหนังสือเรียบร้อยทั้งสองฉบับ
ในเรื่องดังกล่าว พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของใบปลิวนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วและเร่งสืบหาต้นตอว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้แค่เพียงให้อยู่ในกรอบของกฎหมายเท่านั้น ในส่วนของตำรวจที่ทำคดีเกี่ยวกับผู้กว้างขวางทั้งสองคดีที่ถูกอ้างถึงในใบปลิวนั้นเดิมรอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราชทั้ง 3 นาย ได้เข้าไปดูแลให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และภายหลังฝ่ายปกครองได้เข้ามาควบคุมคดีเองทั้งสองคดีคือคดีที่ อ.ชะอวด และคดีที่ อ.ร่อนพิบูลย์ โดยนายอำเภอในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน และมีอำนาจในการทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องหรือสั่งงดการสอบสวนเพื่อส่งให้อัยการพิจารณา
“เมื่อมีระเบียบที่ฝ่ายปกครองเข้ามาควบคุมคดีได้เราต้องยอมรับ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีปัญหาในช่วงสั่งฟ้องหรือไม่ตรงนั้นต้องดูต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่ตำรวจนั้นพูดมากไม่ได้ และถ้าจะดุกันไปนั้นต้องไปดุกันถึงภาพกว้างที่อาจจะต้องนำไปถึงขั้นของการแก้กฎหมาย”
ขณะที่ พ.ต.อ.อรรถพล เปล่งวิทยา รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในช่วงที่ฝ่ายปกครองเข้ามาคุมคีดนั้น ทางพนักงานสอบสวนของตำรวจได้ดำเนินการไปไกลแล้วมีการรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนเพื่อขอหมายจับจากศาลและศาลได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต้องดูที่พยานหลักฐาน และตำรวจต้องมีส่วนร่วมแต่ต้องฟังฝ่ายปกครอง ซึ่งยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดพอสมควรในการทำคดี
ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดของ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สำหรับใบปลิวที่ออกมาตั้งแต่เช้านี้นั้น นายภาณุ ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด ส่วนฝ่ายปกครองที่เข้าคุมคดีนั้นว่าไปตามระเบียบขั้นตอน และไม่ได้มีการสั่งการเป็นพิเศษแต่อย่างใด
