ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เขื่อนกั้นคลื่นป้องกันการกัดเซาะตลิ่ง ชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลาสงขลา ต้านทานความแรงของคลื่นซัดฝั่งไม่ได้เริ่มพังเสียหาย รวมทั้งบริเวณเขื่อนตลอดความยาว 250 เมตร มีความผิดปกติของคลื่นที่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าบริเวณชายหาดธรรมชาติที่อยู่บริเวณเดียวกัน คาดว่าหากในช่วงที่มีคลื่นลมแรงกว่านี้เขื่อนไส้กรอกทรายตัวนี้จะไม่สามารถรับแรงกระแทกของคลื่นลมได้ และจะพังลงในที่สุด
วันนี้ (13 พ.ย.) จ.สงขลา เข้าสู่ฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงนี้ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนัก ในอ่าวไทยมีคลื่นลมแรงความสูงของคลื่น 2-3 เมตร ขณะเดียวกันชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลาสงขลา เริ่มจะมีคลื่นลมตลอดแนวชายฝั่ง ซึ่งก็ยังไม่รุนแรง
แต่มีสิ่งที่ผิดปกติ ที่บริเวณจุดที่ก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นป้องกันการกัดเซาะตลิ่งชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลาสงขลา ระยะทาง 250 เมตร สภาพคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งมีความรุนแรงมาก เมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่งแล้วจะกระแทกกลับซ้ำเป็นสองละลอก
ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่บริเวณชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลาสงขลา จนทำให้เขื่อนพังเสียหายไปบางส่วนแล้ว และหากในช่วงที่มีคลื่นลมแรงมากกว่านี้ เขื่อนกั้นคลื่นป้องกันการกัดเซาะตลิ่งชายหาดชลาทัศน์แหลมสมิหลาสงขลาก็จะไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกของคลื่นที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงนี้เพิ่งเป็นการเริ่มต้นที่มีคลื่นลมจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ที่จะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม 2551
นายสมบูรณ์ แก้วมณี นักท่องเที่ยวจากอำเภอหาดใหญ่ กล่าวว่า ปกติจะพาครอบครัวมานั่งพักผ่อนในช่วงวันหยุดบริเวณนี้ทุกสัปดาห์ ถึงแม้ว่าในช่วงที่มีคลื่นลมแรงแต่มันก็ไม่รุนแรงแบบนี้ ดูแล้วน่ากลัวเหมือนกับทะเลคลั่ง อีกทั้งตรงเขื่อนนี้มันเป็นเหมือนคันดินที่สูงกว่าที่ปกติไม่เหมือนกับที่ชายหาดธรรมชาติที่อยู่ติดกัน สภาพคลื่นเดียวกันแต่ไม่มีความรุนแรง มีเพียงคลื่นซัดเข้าหาชายหาดแทบจะไม่มีความรุนแรงเลย
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบริเวณที่เป็นเขื่อนฯ มันจะเห็นชัดเจนมาก คิดว่าเมื่อคลื่นลมแรงมากกว่านี้ เขื่อนตรงนี้พังแน่นอน เสียดายงบประมาณที่ลงไปเกือบ 7 ล้านบาท ไม่คุ้มค่าเลย เสียทั้งสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเสียทั้งเงินงบประมาณด้วย