ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – นักวิชาการ ชี้ ‘โอบามา’ นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งผลดีในความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ เชื่อมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศมากกว่าเรื่องอื่น ขณะที่แกนนำยุวมุสลิมเผยรู้สึกดี แต่จะมีผลอย่างไรต่อสถานการณ์ชายแดนใต้ต้องรอดู
ผศ.ชิดชนก ราฮีมมูลา รองคณบดีฝ่ายวิชาการและนิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ นายบารัค ฮุสเซน โอบามา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ว่า นับได้ว่าเป็นการจุดประกายในเรื่องของความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติ ศาสนาและโดยเฉพาะเรื่องสีผิวของสังคมอเมริกา
“เป็นการประกาศให้รู้ว่าระบอบประชาธิปไตยของอเมริกาเดินหน้าไปได้ ซึ่งเป็นการปิดประตูตายไปเลยสำหรับเรื่องการเหยียดสีผิว โดยตลอดเวลาที่ผ่านมานโยบายของสหรัฐฯ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ มุ่งหาผลประโยชน์ ที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดอย่างเช่น ผลประโยชน์ทางด้านสังคม ด้านพลังงาน ซึ่งโอบามาจะเป็นคนกู้ชื่อเสียงให้กลับมาใหม่ คนอเมริกันจะยอมรับความแตกต่างมากขึ้น”
ผศ.ชิดชนก กล่าวอีกว่า ปัญหาเร่งด่วนที่อเมริกาต้องรีบแก้ไข คือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศ ดูแลฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องแรงงานภายในประเทศ ซึ่งนโยบายของพรรคเดโมแครต คือการแก้ไขปัญหาดุลการค้าของประเทศเป็นหลัก โอบามาจึงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกโดยจะลดการนำเข้าน้อยลงซึ่งนับได้ว่าเป็นภาระหนักของโอบามาที่ต้องมุ่งแก้ปัญหาภายในประเทศให้เร็วที่สุด
“ส่วนในเรื่องความรุนแรงหรือสงครามระหว่างประเทศ คิดว่าน่าจะใช้ความรุนแรงน้อยลง ทุเลาลง เพราะความรุนแรงอาจจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้ คิดว่าขณะนี้โอบามาจะสร้างพันธมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ส่วนการที่โอบามาเป็นผู้นำอเมริกา จะมีผลกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอย่างไรหรือไม่นั้น คิดว่ายังไม่น่ามีผลอะไรในเร็วๆ นี้”
ด้าน นายมิมะนาเซ สามะอารี ประธานสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่นายบารัค โอบามา ซึ่งมีเลือดมุสลิมด้วยนั้น ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ไม่น่าจะมีผลมากนักต่อขบวนการเคลื่อนของมุสลิมทั่วโลก แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกมุสลิมและตะวันตกน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะชาวมุสลิมรู้สึกว่านายโอบามา มีท่าทีดีกว่านายจอห์น แมคเคน
“สำหรับมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เท่าที่เห็นรู้สึกว่าเขามีความรู้สึกที่ดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา แต่สิ่งนี้จะมีผลอย่างไรต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นคงยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้” นายมิมะนาเซ กล่าว
ผศ.ชิดชนก ราฮีมมูลา รองคณบดีฝ่ายวิชาการและนิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ นายบารัค ฮุสเซน โอบามา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ว่า นับได้ว่าเป็นการจุดประกายในเรื่องของความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติ ศาสนาและโดยเฉพาะเรื่องสีผิวของสังคมอเมริกา
“เป็นการประกาศให้รู้ว่าระบอบประชาธิปไตยของอเมริกาเดินหน้าไปได้ ซึ่งเป็นการปิดประตูตายไปเลยสำหรับเรื่องการเหยียดสีผิว โดยตลอดเวลาที่ผ่านมานโยบายของสหรัฐฯ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ มุ่งหาผลประโยชน์ ที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดอย่างเช่น ผลประโยชน์ทางด้านสังคม ด้านพลังงาน ซึ่งโอบามาจะเป็นคนกู้ชื่อเสียงให้กลับมาใหม่ คนอเมริกันจะยอมรับความแตกต่างมากขึ้น”
ผศ.ชิดชนก กล่าวอีกว่า ปัญหาเร่งด่วนที่อเมริกาต้องรีบแก้ไข คือ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศ ดูแลฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องแรงงานภายในประเทศ ซึ่งนโยบายของพรรคเดโมแครต คือการแก้ไขปัญหาดุลการค้าของประเทศเป็นหลัก โอบามาจึงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกโดยจะลดการนำเข้าน้อยลงซึ่งนับได้ว่าเป็นภาระหนักของโอบามาที่ต้องมุ่งแก้ปัญหาภายในประเทศให้เร็วที่สุด
“ส่วนในเรื่องความรุนแรงหรือสงครามระหว่างประเทศ คิดว่าน่าจะใช้ความรุนแรงน้อยลง ทุเลาลง เพราะความรุนแรงอาจจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้ คิดว่าขณะนี้โอบามาจะสร้างพันธมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ส่วนการที่โอบามาเป็นผู้นำอเมริกา จะมีผลกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยอย่างไรหรือไม่นั้น คิดว่ายังไม่น่ามีผลอะไรในเร็วๆ นี้”
ด้าน นายมิมะนาเซ สามะอารี ประธานสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่นายบารัค โอบามา ซึ่งมีเลือดมุสลิมด้วยนั้น ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ไม่น่าจะมีผลมากนักต่อขบวนการเคลื่อนของมุสลิมทั่วโลก แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกมุสลิมและตะวันตกน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะชาวมุสลิมรู้สึกว่านายโอบามา มีท่าทีดีกว่านายจอห์น แมคเคน
“สำหรับมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เท่าที่เห็นรู้สึกว่าเขามีความรู้สึกที่ดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา แต่สิ่งนี้จะมีผลอย่างไรต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นคงยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้” นายมิมะนาเซ กล่าว