ตรัง – ชาวบ้านตำบลในควนแตกตื่น วิ่งหลบหนีกันโกลาหล หลังจากเกิดเหตุพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องเคลือบภายในมัสยิดในควนเหนือได้ปริแตกกระเด็นออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุขณะที่กำลังประกอบพิธีละหมาด ประสานนักธรณีวิทยาตรังให้มาสำรวจและตรวจสอบสาเหตุแล้ว
วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุพื้นปูด้วยกระเบื้องเคลือบภายในมัสยิดในควนเหนือ ม.7 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของ นายหรีม หลงขาว กำนันตำบลในควน ได้ปริแตกกระเด็นออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่กำลังเข้าไปทำพิธีละหมาด จนต้องวิ่งหลบหนีกันอย่างโกลาหล
นายหรีม หลงขาว กำนันตำบลในควน เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของคืนวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่ประมาณ 30-40 คน เข้าไปประกอบพิธีละหมาดตามปกติในมัสยิดดังกล่าว และหลังเสร็จสิ้นแล้วแต่ยังไม่ทันจะได้แยกย้ายกันกลับ ทุกคนที่นั่งอยู่บนพื้นภายในมัสยิดก็รู้สึกได้ว่าพื้นและตัวอาคารโยกสั่นไหว
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 นาทีก็เกิดเสียงแตกปะทุขึ้น ซึ่งทุกคนเข้าใจว่ากระแสไฟฟ้าคงจะช็อตจึงวิ่งไปปิดสวิตช์ไฟฟ้าข้างฝาผนัง แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าพื้นกระเบื้องภายในที่ทุกคนยังนั่งอยู่ได้ปริแตกปะทุและกระเด็นขึ้นมา สร้างความตกใจให้ทุกคนที่นั่งอยู่จึงวิ่งหลบหนีกันอย่างโกลาหล แต่เมื่อทุกคนวิ่งออกมาอยู่ด้านนอกได้ ก็ไม่พบความผิดปกติของมัสยิดอีกแต่อย่างใด
กำนันตำบลในควน กล่าวต่ออีกว่า จากการสำรวจพบว่า พื้นกระเบื้องที่ปูไว้ภายในมัสยิดซึ่งมีขนาดกว้าง 15 เมตร และยาว 20 เมตร แตกกระเด็นได้รับความเสียหาย แต่พื้นกระเบื้องภายนอกทั้ง 2 ด้านไม่ได้รับความเสียหาย และเมื่อสำรวจทั้งหมดพบว่าบริเวณฝาผนังรวมทั้งหลังคามัสยิดทั้งภายในและภายนอกไม่พบรอยร้าวใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนั้น เมื่อทดลองนำกระเบื้องที่แตกกระเด็นขึ้นมาปิดทับลงไปตามรอยเดิม ปรากฏว่าไม่สามารถจะปิดทับลงไปได้ เสมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้ทำให้พื้นดินเป็นรอยย่น หรือหดตัวลงไป โดยก่อนหน้านั้นในพื้นที่ ต.ในควน ได้เกิดฝนตกติดต่อกันมาประมาณ 2-3 วัน ซึ่งก็ไม่ได้ตกหนักแต่ประการใด และในช่วงเกิดเหตุก็เป็นช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว
ขณะเดียวกัน พื้นที่ใกล้เคียงกับมัสยิดดังกล่าว โดยเฉพาะอีกฝั่งของถนนก็มีบ้านเรือนของชาวบ้านตั้งอยู่รวมกันเป็นชุมชนประมาณ 20-30 หลังคาเรือน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือนใกล้เคียง ต่างก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติดังกล่าวแต่อย่างใด จึงสร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านในชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข่าวแผ่นดินแยกในมัสยิดแพร่สะพัดออกไป ก็มีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางเข้าไปดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำนันตำบลในควนก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว นำโดย นายณหทัย สุนทรนนท์ ปลัดอำเภอย่านตาขาว ฝ่ายป้องกัน เพื่อทำการสำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหาร อบต.ในพื้นที่
ปลัดอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า มีความเสียหายเฉพาะกระเบื้องปูพื้นมัสยิดบางส่วน ประมาณ 100 แผ่น โดยบางแผ่นแตกกระเด็น และบางแผ่นก็เด้งอออกมาในรูปลักษณะตัวที คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท ทั้งนี้ ทาง อบต.ในควน ได้รับจัดหางบประมาณมาซ่อมแซมให้ต่อไป ส่วนสาเหตุนั้น ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่ได้ประสานไปยังนักธรณีวิทยาจังหวัดตรัง ให้เดินทางเข้าไปสำรวจแล้ว
วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุพื้นปูด้วยกระเบื้องเคลือบภายในมัสยิดในควนเหนือ ม.7 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของ นายหรีม หลงขาว กำนันตำบลในควน ได้ปริแตกกระเด็นออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่กำลังเข้าไปทำพิธีละหมาด จนต้องวิ่งหลบหนีกันอย่างโกลาหล
นายหรีม หลงขาว กำนันตำบลในควน เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของคืนวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่ประมาณ 30-40 คน เข้าไปประกอบพิธีละหมาดตามปกติในมัสยิดดังกล่าว และหลังเสร็จสิ้นแล้วแต่ยังไม่ทันจะได้แยกย้ายกันกลับ ทุกคนที่นั่งอยู่บนพื้นภายในมัสยิดก็รู้สึกได้ว่าพื้นและตัวอาคารโยกสั่นไหว
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 นาทีก็เกิดเสียงแตกปะทุขึ้น ซึ่งทุกคนเข้าใจว่ากระแสไฟฟ้าคงจะช็อตจึงวิ่งไปปิดสวิตช์ไฟฟ้าข้างฝาผนัง แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าพื้นกระเบื้องภายในที่ทุกคนยังนั่งอยู่ได้ปริแตกปะทุและกระเด็นขึ้นมา สร้างความตกใจให้ทุกคนที่นั่งอยู่จึงวิ่งหลบหนีกันอย่างโกลาหล แต่เมื่อทุกคนวิ่งออกมาอยู่ด้านนอกได้ ก็ไม่พบความผิดปกติของมัสยิดอีกแต่อย่างใด
กำนันตำบลในควน กล่าวต่ออีกว่า จากการสำรวจพบว่า พื้นกระเบื้องที่ปูไว้ภายในมัสยิดซึ่งมีขนาดกว้าง 15 เมตร และยาว 20 เมตร แตกกระเด็นได้รับความเสียหาย แต่พื้นกระเบื้องภายนอกทั้ง 2 ด้านไม่ได้รับความเสียหาย และเมื่อสำรวจทั้งหมดพบว่าบริเวณฝาผนังรวมทั้งหลังคามัสยิดทั้งภายในและภายนอกไม่พบรอยร้าวใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนั้น เมื่อทดลองนำกระเบื้องที่แตกกระเด็นขึ้นมาปิดทับลงไปตามรอยเดิม ปรากฏว่าไม่สามารถจะปิดทับลงไปได้ เสมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้ทำให้พื้นดินเป็นรอยย่น หรือหดตัวลงไป โดยก่อนหน้านั้นในพื้นที่ ต.ในควน ได้เกิดฝนตกติดต่อกันมาประมาณ 2-3 วัน ซึ่งก็ไม่ได้ตกหนักแต่ประการใด และในช่วงเกิดเหตุก็เป็นช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว
ขณะเดียวกัน พื้นที่ใกล้เคียงกับมัสยิดดังกล่าว โดยเฉพาะอีกฝั่งของถนนก็มีบ้านเรือนของชาวบ้านตั้งอยู่รวมกันเป็นชุมชนประมาณ 20-30 หลังคาเรือน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือนใกล้เคียง ต่างก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติดังกล่าวแต่อย่างใด จึงสร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านในชุมชนเป็นอย่างมาก เพราะไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข่าวแผ่นดินแยกในมัสยิดแพร่สะพัดออกไป ก็มีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางเข้าไปดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำนันตำบลในควนก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว นำโดย นายณหทัย สุนทรนนท์ ปลัดอำเภอย่านตาขาว ฝ่ายป้องกัน เพื่อทำการสำรวจพื้นที่ที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหาร อบต.ในพื้นที่
ปลัดอำเภอย่านตาขาว กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า มีความเสียหายเฉพาะกระเบื้องปูพื้นมัสยิดบางส่วน ประมาณ 100 แผ่น โดยบางแผ่นแตกกระเด็น และบางแผ่นก็เด้งอออกมาในรูปลักษณะตัวที คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท ทั้งนี้ ทาง อบต.ในควน ได้รับจัดหางบประมาณมาซ่อมแซมให้ต่อไป ส่วนสาเหตุนั้น ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่ได้ประสานไปยังนักธรณีวิทยาจังหวัดตรัง ให้เดินทางเข้าไปสำรวจแล้ว