ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ‘สาวิทย์ แก้วหวาน’ 1 ในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 ยืนยันยังคงใช้แนวทางสันติ อหิงสา ต่อสู้กับระบอบทักษิณจนจะได้รับชัยชนะ ระบุการต่อสู้มาถึงจุดเขม็งเกลียว เพราะประชาชนยึดทำเนียบอันเป็นฐานที่มั่นสำคัญได้ และฝ่ายรัฐบาลพยายามใช้วิชามารกดดันทุกทาง ปลุกประชาชนพร้อมต่อสู้ระยะยาว เพื่อปกป้องประเทศชาติไว้ให้ลูกหลาน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน 1 ในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ว่า พลังการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรคือพลังที่บริสุทธิ์ในการโค่นระบอบทักษิณ เพื่อสร้างการเมืองใหม่ และที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าพลังดังกล่าวได้ทลายระบอบทักษิณลงตามลำดับ ตอกย้ำให้เห็นว่าฝ่ายธรรมมะย่อมชนะอธรรม
“ระยะเวลา 5 เดือนเศษสามารถพิสูจน์สิ่งต่างๆ ที่พวกเราได้ทำมาเป็นสิ่งพิสูจน์แล้วว่าความมุ่งมั่นของประชาชนประสบความสำเร็จตามลำดับ ระบอบทักษิณทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตนเองบรรลุเป้าหมายแม้กระทั่งเอาชีวิตคนอื่นๆ เช่น ในกรณีทำสงครามกับยาเสพติดด้วยการฆ่าตัดตอน แต่ก็ไม่สามารนถแก้ปัญหายาเสพติดได้”
นายสาวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนในสงครามการปราบปรามการคอรัปชั่นที่ประกาศเป็นนโยบายแต่สุดท้ายทักษิณกลับโกงกินเสียเอง ดังที่ศาลได้พิพากษาจำคุกไปแล้ว แม้กระทั่งการทำสงครามกับความยากจนก็พิสูจน์ว่ารัฐบาลล้มเหลงทั้งๆ ที่มีการทุ่มเงินงบประมาณลงไปเป็นตำนวนมาก รัฐบาลทักษิณคิดว่าคนจนจนเพราะไม่มีเงิน ทักษิณลืมไปว่าประชาชนจนเพราะการกดขี่ขูดรีดจากนักการเมือง
“สิ่งที่เราได้รับจากระบอบทักษิณล้วนเป็นเรื่องเลวร้าย ทุกวันนี้เกิดการต่อสู้กันทางความคิดจากที่บ้านถึงที่ทำงาน เราพันธมิตรยืนอยู่ข้างธรรมะเพื่อต่อสู้กับอธรรมเหล่านั้น หากเราหยุดลูกหลานเราจะเอาแผ่นดินที่ไหนอยู่อาศัย อนาคตข้างหน้าเราจะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานหากไม่ต่อสู้” นายสาวิทย์ กล่าวและว่า
ขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลใช้ความพยายามทุกรูปแบบที่ผิดศีลธรรมและส่อว่าจะผิดกฏหมายเพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทั้งความพยายามในการส่งคนไปทำร้ายแกนนำ การฝึกอาวุธให้แนวร่วม นปก. รวมทั้งการใช้กำลังสลายการชุมนุมของพันธมิตรเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
“วันนี้ระบอบทักษิณยังไม่หยุดเพราะยังมีทรัพย์สินอยู่มากมายในประเทศ กล่องหัวใจทักษิณอยู่ที่บริษัทเอสซีแอสเซส ที่ดูแลทรัพย์สินหลายรายการโดยมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้ดูแล การต่อสู้ก้าวต่อไปของพันธมิตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราสู้โดยอหิงสา เห็นพี่น้องขาขาด เสียชีวิต เราเองก็เจ็บปวด เราไม่ไดพ้เตรียมการใช้อาวุธ ไม่ได้มีการใช้กำลัง ยึดมั่นในสันติ อหิงสา หากใช้กำลังในวันนั้นเชื่อว่าตรวจก็จะต้องล้มตายลง สูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่เราไม่ทำ เพราะเรามาถึงจุดสูงสุดแล้วคือการยึดทำเนียบรัฐบาล เกิดภาวะยันกันอยู่ที่ว่าใครจะยืนระยะได้ยาวกว่า เราจะถอยให้เขารุกเข้ามาไม่ได้”
นายสาวิทย์ กล่าวว่า มีคำถามว่าเราจะไปอย่างไรต่อนั้น สิ่งสำคัญคือการก่อรูปร่างรวมตัวของประชาชนเป็นพลังบริสุทธิ์คือความสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ อาจมีการต่อสู้ถึงขั้นนองเลือดหรือไม่เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง ตอนนี้มีการโยกย้ายนายทหารซึ่งไม่รู้ว่าย้ายเพื่อใคร ประชาชนต้องร่วมกันจับตามอง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะต้องสู้ เพราะหากไม่สู้เราก็จะสูญเสียทุกอย่างและไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลานในอนาคต