ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ผู้ประสานงานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หญิงเหล็กแห่งเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ยกย่องวีรกรรมหญิงใต้และสตรีทั่วประเทศที่รวมพลังเพื่อกอบกู้ชาติจากระบอบทุนสามานย์
นางสาวเสน่ห์ หงส์ทอง ผู้ประสานงานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หญิงเหล็กแห่งเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย โดยระบุว่า ตลอดเวลาที่เปิดเวทีพันธมิตรนั้น ชาวปักษ์ใต้ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และร่วมเป็นการ์ดดูแลพี่น้องประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อคณะแกนนำพันธมิตรฯ เดินทางไปพบปะพี่น้องพันธมิตรในพื้นที่ใดก็ตามในภาคใต้ก็ทำให้มีความอบอุ่นอย่างมาก
“อย่างไรก็ตาม พันธมิตรทุกคนต้องรวมตัวกันต่อไป อย่ายอมแพ้ต่อระบอบทรราช อย่าลืมว่านายสมชายก็มีเลือดคนใต้ เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก เห็นพลังพันธมิตรกำลังเชี่ยวกรากก็ยังขวาง และได้ใช้สื่อตอบโต้พันธมิตรโดยใช้สามเกลอหัวขวดซึ่งล้วนเป็นคนใต้เช่นกัน” นางสาวเสน่ห์ กล่าวและว่า
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ที่กำลังถูกประกาศจับให้มารับโทษจำคุก ซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีต้องคดีติดคุก โดยใช้อำนาจหน้าที่ในการทุจริตเลย ถือได้ว่าครอบครัว “ชินวัตร” เป็นครอบครัวแรกที่มีการทุจริตและเอื้อผลประโยชน์กันอย่างน่าละอาย แม้แต่ภรรยาก็ยังกระทำผิด ถือเป็นเมียที่สามานย์ไม่ใช่เมียที่มีคุณธรรมด้วย
นางสาวเสน่ห์ ยังกล่าวอีกว่าขอเรียกร้องต่อสื่อมวลชนทั้งหลายด้วยว่า เราไม่ได้บอกว่าให้เข้าข้างพันธมิตร แต่อยากให้ศึกษาข้อมูลตั้งแต่หลังปี 2540 ซึ่งได้มีการช่วยเหลือทางการเมือง จน พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และคนๆ นี้เองที่ประกาศกับคนไทยว่ารวยแล้วไม่โกง แต่เมื่อถึงวันนี้เราได้เห็นธาตุแท้แล้ว และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากถึงได้มารวมตัวชุมนุมเป็นเวลานาน และต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทั้งหมดเป็นการทำเพื่อรักษาต้นทุนของทุกคนในสังคมและเรียกร้องให้คนที่เข้าใจมาร่วมต่อต้านด้วย
ทั้งนี้ การชุมนุมของพันธมิตรได้ยึดหลักสันติ อหิงสา และไม่รุกรานใคร โดยอยู่ภายใต้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกลับใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ทั้งที่ผู้ชุมนุมมีเพียงผ้าขนหนูเล็กๆ และขวดน้ำเตรียมรับมือกับแก๊สน้ำตา แต่ท้ายที่สุดกลับต้องสูญเสียน้องสาวและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พร้อมๆ กับถูกป้ายสีว่ามีการหนีบและพกระเบิดทำให้เกิดการสูญเสียดังกล่าว ดังนั้น จึงอยากจะเรียกร้องให้สื่อเปิดพื้นที่เพื่อถ่ายทอดความจริงอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง
“บางครั้งเราต้องดุดัน เพราะเรามีเพียงอาวุธมือตบ เพราะฉะนั้นอย่างไปกลัว จะเห็นว่ากำลังส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผู้หญิงทุกคนไม่ต้องกลัวตาย เพราะการอุ้มท้องของผู้หญิงคือการเฉียดตายที่สุดแล้ว แล้วเราจะไปกลัวอะไรถ้าต้องตายเพราะกู้ชาติ” นางสาวเสน่ห์กล่าวทิ้งท้าย