นครศรีธรรมราช – คดีสังหารนักข่าวบานปลาย นายอำเภอกางปีกป้องมือปืน 28 ต.ค.นำชาวบ้านยกตำบลร้องผู้การ ขอความเป็นธรรมให้ผู้ต้องหา ส่วนผู้การพร้อมรับมือและชี้แจงยันทำตามกรอบกฎหมาย
ความคืบหน้าคดี นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับนายลำดวน หรือ กบ แก้วสีสด อายุ 31 ปี และ นายศักดิ์ชาย หรือ บังโกบ อับดุลอารีย์ อายุ 32 ปี เป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดย นายลำดวน 1 ใน 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชไป ส่วน นายศักดิ์ชาย หรือบังโกบ อยู่ระหว่างการหลบหนี พยายามให้ญาติติดต่อเข้ามอบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2551 นี้ ว่า ในวัน 28 ต.ค.2551 ทาง นายมนัส เพ็งสุทธิ์ นายอำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และญาติๆ ของนายลำดวน หรือ กบ แก้วสีสด ผู้ต้องหาที่มอบตัวกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา จะนำชาวบ้านยกทั้งหมู่บ้านเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับนายลำดวน อีกครั้ง โดยจะรวมตัวกันเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ในกรณีที่ตำรวจสืบสวนและนำเอานายลำดวน เกี่ยวไปเกี่ยวข้องกับคดีสังหารนายอธิวัฒน์ จนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอนุมัติออกหมายจับ ทั้งๆ ที่ นายลำดวน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
นายมนัส เพ็งสุทธิ์ นายอำเภอบางขัน กล่าวว่า ตนได้ติดต่อประสานงานกับญาติของนายลำดวนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากว่าตนเป็นผู้นำนายลำดวนออกมามอบตัว เมื่อทางญาติๆ ยืนยันว่า นายลำดวน ไม่มีความผิด ตนก็จะต้องรับผิดชอบ นายลำดวน เช่นกัน พยายามรวบรวมหลักฐานเอกสารให้มากที่สุด เพื่อนำมาหักล้างในคดี วันนี้ญาติและเพื่อนบ้านต่างคลางแคลงใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายลำดวน ทุกคนยืนยันว่า นายลำดวน เป็นเด็กดี
“ญาติของ นายลำดวน ผู้ต้องหาเชิญตนเองมาพบกับชาวบ้าน เพื่อชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับทราบว่าเหตุผลใดที่ นายลำดวน ถูกออกหมายจับหลังจากนั้นจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน โดยมติในที่ประชุมจะทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ทางผู้บังคับการนำหนังสือดังกล่าวเก็บไว้ในสำนวน เพื่อเป็นหลักฐานในการหักล้างตามกระบวนการยุติธรรมในวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2551 ชาวบ้านจากตำบลบ้านลำนาวจะร่วมเดินทางกันมายื่นหนังสือที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเวลา 10.00 -10.30 น.ตนไม่ได้คัดค้านอะไร เนื่องจากเป็นสิทธิของลูกบ้านที่จะเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย เรามากันเงียบๆ ไม่มีปราศรัยจอมตีการทำงานของตำรวจ”
นายมนัส กล่าวว่า ตนได้บอกกับญาติของนายลำดวนว่า ไม่ต้องประกันตัว เนื่องจากนายลำดวนอยู่ภายในเรือนจำจะปลอดภัยกว่า ส่วนความสะดวกสบายในเรือนจำนั้นก็ต้องว่าไปตามกฎระเบียบ แต่ตนจะพยายามฝากฝังให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการนำนายลำดวนมามอบตัวในครั้งนี้ไม่ได้อยู่บนเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
ทางด้าน พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในวันอังคารนี้ตนอยู่ที่ทำงานพร้อมที่จะรับหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและพร้อมที่จะตอบคำถามของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ตนบอกเสมอตนจะทำงานอย่างซื่อสัตย์ ตนทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้เมืองนครศรีธรรมราชสงบสุขเสียที.ล่าสุด วันนี้ 25 ตุลาคม 2551 แหล่งข่าวระดับสูงจากตำรวจชุดสืบสวนคดีในพื้นที่ระบุว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า นายสมชาย ผู้ต้องหาอีกคนหลบหนีไปอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา จะออกจากพื้นที่ก็ไม่ได้ จะอยู่ในพื้นที่ก็อึดอัด เนื่องจากถูกกดดันทุกรูปแบบจากเจ้าหน้าที่ ประการสำคัญเงินค่าหัวในเวลานี้ยังได้ไม่ครบตามจำนวน มีการติดต่อผ่านผู้ใกล้ชิดเพื่อขอเงินส่วนที่เหลือเพื่อที่จะทำการหลบหนี
แหล่งข่าวระดับนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ระบุว่า เป้าหมายของกลุ่มจ้างวานในการจ้างมือปืนสังหารบุคคลเป้าหมายในพื้นที่มีด้วยกัน 5 ราย นอกจาก นายอธิวัฒน์ แล้วยังมีผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัคร รองนายก อบจ.อีก 2 ท่าน โดยลงมือแล้ว 1 ราย แต่ทำงานพลาด คือ ผู้สมัครรองนายก อบจ.นายเกรียงศักดิ์ ภู่พันธ์ตระกูล หรือโกก้าว ที่มือปืนยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม แต่โกก้าว แค่บาดเจ็บเล็กน้อยรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ซึ่งขณะนี้มือปืนได้หลบหนีไปอยู่กับบุคคลมีสีที่ จ.เชียงราย และในขณะนี้มีการส่งเสียเงินไปดูแลถึงเดือนละ 1-2 แสนบาท
ซึ่งในวันที่ยิงถล่มโกก้าวนั้นทีมสังหารมีการวางแผนสังหารโกก้าวช่วงเช้าและจะลงมือสังหารผู้สมัครนายก อบจ.เป็นน้องชายนักการเมือง ระดับชาติ ต่อในช่วงบ่ายหรือค่ำ เฉพาะ 2 รายนี้มีค่าหัวสูงถึงเลข 7 หลัก ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ คนหนึ่งเป็นถึงเลขาส่วนตัวของเลขาธิการอาเซียน อีกคนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องนักการเมืองระดับชาติโซนลุ่มน้ำปาก แต่บุคคลเป้าหมายทั้ง 2 คน มีการระวังตัวอยู่ตลอดเวลา การเดินทางแต่ละครั้งจะมี รปภ.ดูแลอย่างใกล้ชิด เป้าหมายจึงไม่นิ่งยากแก่การลงมือสังหาร เมื่อลงมือยิงถล่มโกก้าวเป็นรายแรก จึงยังเหลืออีก 4 รายโดยนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชนอยู่ในบัญชีสังหารลำดับที่ 4 (แยกค่าหัวเฉพาะออกมาในราคา 250,000 บาท ซึ่งมือปืนสามารถลงมือสังหารได้อย่างง่ายดายเพราะนายอธิวัฒน์ เป็นเป้านิ่งอยู่กับบ้านตลอดเวลา
“สำหรับสาเหตุของการสังหารเป้าหมาย 3 รายแรก มาจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น โดยทีมตรงข้ามต้องการสังหารทีมว่าที่ รอง นายก อบจ.เนื่องจากบุคคลเหล่านี้สามารถหาคะแนนเสียงได้ แต่ในที่สุดคะแนนเสียงที่ได้น้อยมาจากทีมฝั่งตรงข้ามที่ไม่เลือกนั่นเอง ส่วนนายอธิวัฒน์นั้นสาเหตุมาจากของการนำเสนอข่าวขุดคุ้ยทุจริตเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา”
พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบ.ภ.จว.นศ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจทำงานไม่หยุดกัน ทำงานอย่างเต็มที่ขอให้ใจเย็นๆ จับแน่ เราเฝ้าอยู่แล้ว เราทำทุกรูปแบบ ฝ่ายสอบก็สอบกันไป ส่วนฝ่ายสืบก็สืบกันจนไม่มีเวลาพัก ให้โอกาสตำรวจทำงานอีกนิด ใช้เวลาอีกไม่มากก็จะผ่านไปด้วยดี ส่วนการตั้งด่านตรวจเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมและลดการพกพาอาวุธปืนก็ยังคงดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ ใครมีเบาะแสอย่างไรก็ขอให้แจ้งเข้ามา เราจะเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ และว่าการทำงานในครั้งนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้งานออกมาดีที่สุด ขอให้ไว้ใจการทำงานของตำรวจ
ความคืบหน้าคดี นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชนประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับนายลำดวน หรือ กบ แก้วสีสด อายุ 31 ปี และ นายศักดิ์ชาย หรือ บังโกบ อับดุลอารีย์ อายุ 32 ปี เป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดย นายลำดวน 1 ใน 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชไป ส่วน นายศักดิ์ชาย หรือบังโกบ อยู่ระหว่างการหลบหนี พยายามให้ญาติติดต่อเข้ามอบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2551 นี้ ว่า ในวัน 28 ต.ค.2551 ทาง นายมนัส เพ็งสุทธิ์ นายอำเภอบางขัน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และญาติๆ ของนายลำดวน หรือ กบ แก้วสีสด ผู้ต้องหาที่มอบตัวกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา จะนำชาวบ้านยกทั้งหมู่บ้านเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้กับนายลำดวน อีกครั้ง โดยจะรวมตัวกันเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ในกรณีที่ตำรวจสืบสวนและนำเอานายลำดวน เกี่ยวไปเกี่ยวข้องกับคดีสังหารนายอธิวัฒน์ จนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอนุมัติออกหมายจับ ทั้งๆ ที่ นายลำดวน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
นายมนัส เพ็งสุทธิ์ นายอำเภอบางขัน กล่าวว่า ตนได้ติดต่อประสานงานกับญาติของนายลำดวนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากว่าตนเป็นผู้นำนายลำดวนออกมามอบตัว เมื่อทางญาติๆ ยืนยันว่า นายลำดวน ไม่มีความผิด ตนก็จะต้องรับผิดชอบ นายลำดวน เช่นกัน พยายามรวบรวมหลักฐานเอกสารให้มากที่สุด เพื่อนำมาหักล้างในคดี วันนี้ญาติและเพื่อนบ้านต่างคลางแคลงใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายลำดวน ทุกคนยืนยันว่า นายลำดวน เป็นเด็กดี
“ญาติของ นายลำดวน ผู้ต้องหาเชิญตนเองมาพบกับชาวบ้าน เพื่อชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับทราบว่าเหตุผลใดที่ นายลำดวน ถูกออกหมายจับหลังจากนั้นจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน โดยมติในที่ประชุมจะทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ทางผู้บังคับการนำหนังสือดังกล่าวเก็บไว้ในสำนวน เพื่อเป็นหลักฐานในการหักล้างตามกระบวนการยุติธรรมในวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2551 ชาวบ้านจากตำบลบ้านลำนาวจะร่วมเดินทางกันมายื่นหนังสือที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเวลา 10.00 -10.30 น.ตนไม่ได้คัดค้านอะไร เนื่องจากเป็นสิทธิของลูกบ้านที่จะเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย เรามากันเงียบๆ ไม่มีปราศรัยจอมตีการทำงานของตำรวจ”
นายมนัส กล่าวว่า ตนได้บอกกับญาติของนายลำดวนว่า ไม่ต้องประกันตัว เนื่องจากนายลำดวนอยู่ภายในเรือนจำจะปลอดภัยกว่า ส่วนความสะดวกสบายในเรือนจำนั้นก็ต้องว่าไปตามกฎระเบียบ แต่ตนจะพยายามฝากฝังให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งการนำนายลำดวนมามอบตัวในครั้งนี้ไม่ได้อยู่บนเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
ทางด้าน พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในวันอังคารนี้ตนอยู่ที่ทำงานพร้อมที่จะรับหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและพร้อมที่จะตอบคำถามของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ตนบอกเสมอตนจะทำงานอย่างซื่อสัตย์ ตนทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้เมืองนครศรีธรรมราชสงบสุขเสียที.ล่าสุด วันนี้ 25 ตุลาคม 2551 แหล่งข่าวระดับสูงจากตำรวจชุดสืบสวนคดีในพื้นที่ระบุว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า นายสมชาย ผู้ต้องหาอีกคนหลบหนีไปอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา จะออกจากพื้นที่ก็ไม่ได้ จะอยู่ในพื้นที่ก็อึดอัด เนื่องจากถูกกดดันทุกรูปแบบจากเจ้าหน้าที่ ประการสำคัญเงินค่าหัวในเวลานี้ยังได้ไม่ครบตามจำนวน มีการติดต่อผ่านผู้ใกล้ชิดเพื่อขอเงินส่วนที่เหลือเพื่อที่จะทำการหลบหนี
แหล่งข่าวระดับนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง ระบุว่า เป้าหมายของกลุ่มจ้างวานในการจ้างมือปืนสังหารบุคคลเป้าหมายในพื้นที่มีด้วยกัน 5 ราย นอกจาก นายอธิวัฒน์ แล้วยังมีผู้สมัครนายก อบจ. และผู้สมัคร รองนายก อบจ.อีก 2 ท่าน โดยลงมือแล้ว 1 ราย แต่ทำงานพลาด คือ ผู้สมัครรองนายก อบจ.นายเกรียงศักดิ์ ภู่พันธ์ตระกูล หรือโกก้าว ที่มือปืนยิงถล่มด้วยอาวุธสงคราม แต่โกก้าว แค่บาดเจ็บเล็กน้อยรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ซึ่งขณะนี้มือปืนได้หลบหนีไปอยู่กับบุคคลมีสีที่ จ.เชียงราย และในขณะนี้มีการส่งเสียเงินไปดูแลถึงเดือนละ 1-2 แสนบาท
ซึ่งในวันที่ยิงถล่มโกก้าวนั้นทีมสังหารมีการวางแผนสังหารโกก้าวช่วงเช้าและจะลงมือสังหารผู้สมัครนายก อบจ.เป็นน้องชายนักการเมือง ระดับชาติ ต่อในช่วงบ่ายหรือค่ำ เฉพาะ 2 รายนี้มีค่าหัวสูงถึงเลข 7 หลัก ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ คนหนึ่งเป็นถึงเลขาส่วนตัวของเลขาธิการอาเซียน อีกคนหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องนักการเมืองระดับชาติโซนลุ่มน้ำปาก แต่บุคคลเป้าหมายทั้ง 2 คน มีการระวังตัวอยู่ตลอดเวลา การเดินทางแต่ละครั้งจะมี รปภ.ดูแลอย่างใกล้ชิด เป้าหมายจึงไม่นิ่งยากแก่การลงมือสังหาร เมื่อลงมือยิงถล่มโกก้าวเป็นรายแรก จึงยังเหลืออีก 4 รายโดยนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชนอยู่ในบัญชีสังหารลำดับที่ 4 (แยกค่าหัวเฉพาะออกมาในราคา 250,000 บาท ซึ่งมือปืนสามารถลงมือสังหารได้อย่างง่ายดายเพราะนายอธิวัฒน์ เป็นเป้านิ่งอยู่กับบ้านตลอดเวลา
“สำหรับสาเหตุของการสังหารเป้าหมาย 3 รายแรก มาจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น โดยทีมตรงข้ามต้องการสังหารทีมว่าที่ รอง นายก อบจ.เนื่องจากบุคคลเหล่านี้สามารถหาคะแนนเสียงได้ แต่ในที่สุดคะแนนเสียงที่ได้น้อยมาจากทีมฝั่งตรงข้ามที่ไม่เลือกนั่นเอง ส่วนนายอธิวัฒน์นั้นสาเหตุมาจากของการนำเสนอข่าวขุดคุ้ยทุจริตเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา”
พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบ.ภ.จว.นศ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจทำงานไม่หยุดกัน ทำงานอย่างเต็มที่ขอให้ใจเย็นๆ จับแน่ เราเฝ้าอยู่แล้ว เราทำทุกรูปแบบ ฝ่ายสอบก็สอบกันไป ส่วนฝ่ายสืบก็สืบกันจนไม่มีเวลาพัก ให้โอกาสตำรวจทำงานอีกนิด ใช้เวลาอีกไม่มากก็จะผ่านไปด้วยดี ส่วนการตั้งด่านตรวจเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมและลดการพกพาอาวุธปืนก็ยังคงดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ ใครมีเบาะแสอย่างไรก็ขอให้แจ้งเข้ามา เราจะเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ และว่าการทำงานในครั้งนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้งานออกมาดีที่สุด ขอให้ไว้ใจการทำงานของตำรวจ