ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ข้าราชการและประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ร่วมประกอบพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2551 พร้อมมอบทุนการศึกษาจำนวน 21 ทุน
เมื่อเช้าวันนี้ (23 ต.ค.) นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ ข้าราชการพลเรือน คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนพ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้มาร่วมชุมนุมโดยพร้อมเพรียงกัน ณ บริเวณมณฑลพิธี พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปิยมหาราช ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสักการะ ด้วยการวางพวงมาลา และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเทิดทูนพระองค์ให้สถิตมั่นในดวงใจของชาวไทยทั้งชาติตลอดไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันสวรรคตได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง ข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ ข้าราชการพลเรือน พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุกแห่ง ตลอดจนพ่อค้าประชาชนก็ได้น้อมจิตรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์และตั้งมโนปณิธานว่าจะประกอบแต่คุณความดีที่เป็นสรรพสิ่งมิ่งมงคล น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการบูชา แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อเบื้องพระยุคลบาท และเพื่อความเจริญวัฒนาถาวรของประเทศไทย และประชาชนชาวไทยตราบชั่วกาลนานด้วย และภายหลังเสร็จจากพิธีวางพวงมาลา และถวายความเคารพ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระปิยะมหาราชแล้ว
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานในพิธี ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษาจำนวน 21 ทุน รวมจำนวน 50,000 บาท ของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจังหวัดภูเก็ต
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2396 เสด็จเถลิงถวัลยราชาภิเษกสืบสันตติวงศ์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2411 นับเป็นพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 สิริพระชนมายุได้ 57 พรรษา รวมเวลาที่พระองค์ทรงปกครองประเทศ 42 ปีเศษ
ในรัชสมัยของพระองค์นั้นได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ให้ได้รับความเจริญรุ่งเรือง พสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้าด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ และพระราชหฤทัย อันตั้งมั่นอยู่ในทางที่จะทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรให้เจริญรุ่งเรืองเทียบเท่าอารยประเทศ โดยรัฐประศาสน์นโยบายอันสุขุมคัมภีรภาพ ทรงอาจอาญมิได้ย่อท้อต่อความยากเข็ญทั้งมวล แม้ประโยชน์และความสุขของพระองค์เองก็ทรงยอมสละเพื่อให้ได้มาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และความสุขของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
ทรงเห็นว่าการมีทาสเป็นการตัดรอนสิทธิของมนุษย์ เป็นการไม่เสมอภาค ยังความเดือดร้อนให้แก่ราษฏรผู้เป็นทาส จึงได้ทรงตราพระราชบัญญัติเลิกทาส เมื่อพุทธศักราช 2449 ทรงเลิกจารีตนครบาล เลิกการสอบสวนลงโทษโดยวิธีทรมานเหี้ยมโหด ทรงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากจตุสดมภ์มาเป็น กระทรวงทบวง กรม ดังเช่นทุกวันนี้
ทรงริเริ่มการโทรเลขเมื่อพุทธศักราช 2412 การไปรษณีย์เมื่อพุทธศักราช 2424 และการรถไฟ เมื่อพุทธศักราช 2439 ทรงตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรขึ้นตามวัดต่างๆ และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองภายนอก ทรงบำรุงการศาสนา วัดวาอารามมากมาย และทรงปรับปรุงการทหารเพื่อให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ นอกจากนั้นพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัย ที่จะทรงติดต่อกับไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอย่างใกล้ชิดโดยมิได้ถือพระองค์ เพื่อทรงรับรู้สารทุกข์ของประชาราษฎร์ และยังทรงพระปรีชาสามารถนำประเทศให้รอดพ้นภัยจากการตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจ ทั้งหลายที่แสวงหาอณานิคมในขณะนั้น โดยทรงดำเนินรัฐประศาสน์นโยบายผ่อนสั้นผ่อนยาว สามารถนำประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์และรักษาเอกราชของชาติไว้ได้ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจไปหมดสิ้น ด้วยพระราชกรณียกิจทั้งหลายที่สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า ได้ทรงสร้างสรรค์ไว้ในรัชสมัยของพระองค์ ยังผลไพบูลย์ให้เกิดแก่ประเทศชาติเหลือที่จะคณานับ