นครศรีธรรมราช – อดีตครูเหยื่อจอมโจร “ไข่หมูก” เรียกค่าคุ้มครองโร่ร้อง ผบก.นครศรีธรรมราช แฉนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวาง น้องชายนายตำรวจชื่อดังบงการ
กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มบ้านเลขที่ 79/1 ม.5 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และตัดทำลายต้นยางพารา 70 ต้น ซึ่งเป็นของ นายกชกร แสงรุ่ง อายุ 50 ปี อดีตข้าราชการครูที่ลาออกแล้วมาทำสวนยางพารา พร้อมทิ้งจดหมายเรียกค่าคุ้มครองเป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยลงชื่อ ไข่หมูก ตามข่าวที่ได้เสนอไปเป็นลำดับแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกชกร แสงรุ่ง อายุ 50 ปี เจ้าของสวนยางซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช
ก่อนเข้าพบ นายกชกร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จดหมายนั้นเป็นของไข่หมูกจริง แต่ตนและไข่หมูกไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จดหมายเรียกค่าคุ้มครองมีทั้งหมด 6 ฉบับ แต่ละฉบับจะเรียกเงินหลักแสน ฉบับที่ 1 ส่งมาจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เรียก 3 แสนบาท ตนก็เฉย
ต่อมาฉบับที่ 2 เขียนมารำพึงรำพันตัดพ้อต่อว่า เรียก 3 แสนเช่นเดิมตนจึงนำเรื่องดังกล่าวแจ้งไปยังเรือนจำจึงได้มีการย้ายจากนครศรีธรรมราชไปอยู่เรือนจำคลองไผ่ นครราชสีมา ต่อมาฉบับที่ 3 เขียนที่เรือนจำคลองไผ่ เรียก 3 แสนเช่นเดิม ครั้งที่ 4 หลังเดือนมิถุนายน 2551 ส่งจดหมายมาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนั้น ได้มีนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางรายหนึ่งรับหน้าที่เป็นผู้เคลียร์ให้โดยนักการเมืองคนดังกล่าวนั้นบอกว่าอย่าว่าแต่ 3 แสนเลย 2 ล้านบาทตนยังให้ได้
นายกชกร กล่าวว่า ตนจึงได้นำจดหมายดังกล่าวไปพบกับนายตำรวจระดับ ผกก.คนหนึ่ง จึงได้รู้ว่า ผกก.คนนั้นเป็นพี่ชายของนักการเมืองคนดังกล่าว ในครั้งนั้น ผกก.คนดังกล่าวนั้นได้โทรศัพท์ไปหาน้องชาย และพูดว่า “ไอ้....มึงทำเรื่องอีกแล้ว รอให้กูเกษียณก่อนไม่ได้เชียวหรือ” ผกก.จึงได้ให้นามบัตร 1 ใบ โดยเขียนข้อความหลังนามบัตร ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนายกชกรด้วย พร้อมทั้งบอกว่านามบัตรนี้จะช่วยกันกระสุนให้กับนายกชกรได้ ซึ่งตนเองก็สบายใจ
“ในอดีตตนเองรับราชการครู สร้างสวนยางพาราเพียง 70 ไร่ เมื่อมีการข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองตนเองจึงตัดสินใจลาออก ครั้ง 1-4 สร้างความวุ่นวายพอสมควร พอมาครั้งที่ห้าแจ้งว่าออกจากเรือนจำเรียบร้อยแล้วและจะตามมาคิดบัญชี โดยให้มีการเจรจาต่อรองเพื่อเคลียร์ค่าคุ้มครอง หากคุยกันดีๆ จะลดหย่อนให้ แต่ไม่ต้องเอานายนิตย์ แก้วขุนราม นายก อบต.ท่าประจะ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มาเคลียร์ปัญหาเด็ดขาด ครั้งนั้นขู่จับลูกเมีย ก่อนเจรจาจะตัดแขนลูกชายที่เรียนอยู่ปี 1 ราชภัฏนครศรีธรรมราช จนทำให้ลูกชายต้องลาออกหนีขึ้นไปอยู่ต่างจังหวัดกับภรรยา ครั้งนี้เรียก 2 ล้าน มันโจ่งแจ้งพอสมควรและว่าตนจะไม่ทนอีกแล้ว และจะไม่หนีด้วยพร้อมที่จะต่อสู้ ตนเชื่อว่า ไข่หมูกเป็นเพียงตัวหนังตะลุงที่บังหน้านายหนังที่กำลังเชิดอยู่เท่านั้น”
ทางด้าน พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นศ.กล่าวว่า ผู้เสียหายมาพบแล้วทำให้ได้ทราบข้อมูลมากขึ้น ถึงที่ไปที่มาของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ให้เวลาทางเราเก็บรวบรวมข้อมูลก่อน คิดว่าคดีคงจะคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์เราก็ได้สอบไปหมดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็สอบผู้เสียหาย เชื่อว่า อีกไม่นานจะสามารถดำเนินคดีในเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์
กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มบ้านเลขที่ 79/1 ม.5 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และตัดทำลายต้นยางพารา 70 ต้น ซึ่งเป็นของ นายกชกร แสงรุ่ง อายุ 50 ปี อดีตข้าราชการครูที่ลาออกแล้วมาทำสวนยางพารา พร้อมทิ้งจดหมายเรียกค่าคุ้มครองเป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยลงชื่อ ไข่หมูก ตามข่าวที่ได้เสนอไปเป็นลำดับแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกชกร แสงรุ่ง อายุ 50 ปี เจ้าของสวนยางซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช
ก่อนเข้าพบ นายกชกร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จดหมายนั้นเป็นของไข่หมูกจริง แต่ตนและไข่หมูกไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จดหมายเรียกค่าคุ้มครองมีทั้งหมด 6 ฉบับ แต่ละฉบับจะเรียกเงินหลักแสน ฉบับที่ 1 ส่งมาจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เรียก 3 แสนบาท ตนก็เฉย
ต่อมาฉบับที่ 2 เขียนมารำพึงรำพันตัดพ้อต่อว่า เรียก 3 แสนเช่นเดิมตนจึงนำเรื่องดังกล่าวแจ้งไปยังเรือนจำจึงได้มีการย้ายจากนครศรีธรรมราชไปอยู่เรือนจำคลองไผ่ นครราชสีมา ต่อมาฉบับที่ 3 เขียนที่เรือนจำคลองไผ่ เรียก 3 แสนเช่นเดิม ครั้งที่ 4 หลังเดือนมิถุนายน 2551 ส่งจดหมายมาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนั้น ได้มีนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางรายหนึ่งรับหน้าที่เป็นผู้เคลียร์ให้โดยนักการเมืองคนดังกล่าวนั้นบอกว่าอย่าว่าแต่ 3 แสนเลย 2 ล้านบาทตนยังให้ได้
นายกชกร กล่าวว่า ตนจึงได้นำจดหมายดังกล่าวไปพบกับนายตำรวจระดับ ผกก.คนหนึ่ง จึงได้รู้ว่า ผกก.คนนั้นเป็นพี่ชายของนักการเมืองคนดังกล่าว ในครั้งนั้น ผกก.คนดังกล่าวนั้นได้โทรศัพท์ไปหาน้องชาย และพูดว่า “ไอ้....มึงทำเรื่องอีกแล้ว รอให้กูเกษียณก่อนไม่ได้เชียวหรือ” ผกก.จึงได้ให้นามบัตร 1 ใบ โดยเขียนข้อความหลังนามบัตร ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนายกชกรด้วย พร้อมทั้งบอกว่านามบัตรนี้จะช่วยกันกระสุนให้กับนายกชกรได้ ซึ่งตนเองก็สบายใจ
“ในอดีตตนเองรับราชการครู สร้างสวนยางพาราเพียง 70 ไร่ เมื่อมีการข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองตนเองจึงตัดสินใจลาออก ครั้ง 1-4 สร้างความวุ่นวายพอสมควร พอมาครั้งที่ห้าแจ้งว่าออกจากเรือนจำเรียบร้อยแล้วและจะตามมาคิดบัญชี โดยให้มีการเจรจาต่อรองเพื่อเคลียร์ค่าคุ้มครอง หากคุยกันดีๆ จะลดหย่อนให้ แต่ไม่ต้องเอานายนิตย์ แก้วขุนราม นายก อบต.ท่าประจะ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มาเคลียร์ปัญหาเด็ดขาด ครั้งนั้นขู่จับลูกเมีย ก่อนเจรจาจะตัดแขนลูกชายที่เรียนอยู่ปี 1 ราชภัฏนครศรีธรรมราช จนทำให้ลูกชายต้องลาออกหนีขึ้นไปอยู่ต่างจังหวัดกับภรรยา ครั้งนี้เรียก 2 ล้าน มันโจ่งแจ้งพอสมควรและว่าตนจะไม่ทนอีกแล้ว และจะไม่หนีด้วยพร้อมที่จะต่อสู้ ตนเชื่อว่า ไข่หมูกเป็นเพียงตัวหนังตะลุงที่บังหน้านายหนังที่กำลังเชิดอยู่เท่านั้น”
ทางด้าน พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.จว.นศ.กล่าวว่า ผู้เสียหายมาพบแล้วทำให้ได้ทราบข้อมูลมากขึ้น ถึงที่ไปที่มาของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ให้เวลาทางเราเก็บรวบรวมข้อมูลก่อน คิดว่าคดีคงจะคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์เราก็ได้สอบไปหมดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็สอบผู้เสียหาย เชื่อว่า อีกไม่นานจะสามารถดำเนินคดีในเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์