กระบี่ - ประธานหอกระบี่ ชี้ การลงทุนถดถอย นักลงทุน นทท.หยาดรัฐบาลปราบจลาจลรุนแรง ย้ายฐานจากไทย
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยาว่า จากสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวายขึ้นในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนโดยตรง เนื่องจากนักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นโดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีความมั่นคง ส่งผลให้การค้าการลงทุนของประเทศไทย และของจังหวัดถอยหลังลงมาก และในวันนี้รัฐบาลก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะนอกจากการเมืองของไทยเองก็ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกที่ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงไปอีก
นายวัฒนา กล่าวด้วยความเป็นห่วงอีกว่า หากความวุ่นวายยังเกิดขึ้นอีกและการเมืองไม่มีความชัดเขน นักลงทุนก็จะชะลอการลงทุนและย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น สิ่งนี้ก็จะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย ในไตรมาสสุดท้าย หรือ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ก็น่าจะโตไม่ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ และ ที่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจของไทยจะโต 4.5 หรือ 5 ก็ตาม และผลพวงนี้จะต่อไปถึงไตรมาสแรกในปีหน้าด้วย ก็คือ ตั้งแต่มกราคม-มีนาคม 2552
“ตั้งแต่เดือนตุลาคม-มกราคม ปีหน้าเป็นฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยปีท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ กว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ถูกส่งไปทั่วโลก ตนเชื่อว่าต่างประเทศก็จะมีการยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทยอย่างแน่นอน เหตุนี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยและเศรษฐกิจกระบี่ถอยหลังไปอีก ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ภาคการค้าและการลงทุน และอาจจะทำให้สถาบันการเงินมีปัญหาในอนาคต ในส่วนของผู้ประกอบการที่เกิดความสภาพคล่องอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลต่อระบบ NPL ขึ้นไปในอนาคตได้”
ฝากรัฐบาลด้วยว่า วันนี้รัฐบาลต้องมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าเศรษฐกิจถดถอย ท่านจะมาด้วยความชอบธรรมอย่างไรก็ตามถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา ท่านก็จะมีปัญหาแน่นอน หลายเรื่องตามมา เช่น ปัญหาความยากจน ปัญหาทางสังคม ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีปัญหามากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเร็วโดยเฉพาะเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยาว่า จากสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดความวุ่นวายขึ้นในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนโดยตรง เนื่องจากนักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นโดยเฉพาะเสถียรภาพของรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีความมั่นคง ส่งผลให้การค้าการลงทุนของประเทศไทย และของจังหวัดถอยหลังลงมาก และในวันนี้รัฐบาลก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะนอกจากการเมืองของไทยเองก็ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกที่ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงไปอีก
นายวัฒนา กล่าวด้วยความเป็นห่วงอีกว่า หากความวุ่นวายยังเกิดขึ้นอีกและการเมืองไม่มีความชัดเขน นักลงทุนก็จะชะลอการลงทุนและย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น สิ่งนี้ก็จะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย ในไตรมาสสุดท้าย หรือ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ก็น่าจะโตไม่ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ และ ที่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจของไทยจะโต 4.5 หรือ 5 ก็ตาม และผลพวงนี้จะต่อไปถึงไตรมาสแรกในปีหน้าด้วย ก็คือ ตั้งแต่มกราคม-มีนาคม 2552
“ตั้งแต่เดือนตุลาคม-มกราคม ปีหน้าเป็นฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยปีท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ กว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ถูกส่งไปทั่วโลก ตนเชื่อว่าต่างประเทศก็จะมีการยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทยอย่างแน่นอน เหตุนี้จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยและเศรษฐกิจกระบี่ถอยหลังไปอีก ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ภาคการค้าและการลงทุน และอาจจะทำให้สถาบันการเงินมีปัญหาในอนาคต ในส่วนของผู้ประกอบการที่เกิดความสภาพคล่องอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลต่อระบบ NPL ขึ้นไปในอนาคตได้”
ฝากรัฐบาลด้วยว่า วันนี้รัฐบาลต้องมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าเศรษฐกิจถดถอย ท่านจะมาด้วยความชอบธรรมอย่างไรก็ตามถ้าเศรษฐกิจมีปัญหา ท่านก็จะมีปัญหาแน่นอน หลายเรื่องตามมา เช่น ปัญหาความยากจน ปัญหาทางสังคม ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีปัญหามากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเร็วโดยเฉพาะเศรษฐกิจและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
