นราธิวาส – เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ควบคุมตัวมือระเบิดสังหารตำรวจชุด รปภ.ครู ตาย 1 เจ็บ 12 ทำแผนรับสารภาพ ซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการตำรวจออกหมายจับอีก 11 คน
วานนี้ (9 ต.ค.) ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.รือเสาะ นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ และ พ.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อายุ 21 ปี จากศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน 12 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด รปภ.ครู ของสภ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา
เหตุเกิดบริเวณปากซอยถนนบาเละ ม.10 ต.รือเสาะ อ.รือสาะ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 นาย มาพูดคุยหลังนายมูอัมหมัดซาแปอิง ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จุดชนวนระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง พร้อมทั้งมีการซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบอีก จำนวน 11 คน รวมทั้งให้การรับสารภาพถึงขั้นตอนต่างๆ ในการวางแผนก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเชิญตัวโต๊ะอิหม่ามและทนายความมาเป็นสักขีพยานร่วมฟังการให้การรับสารภาพของ นายมูฮัมหมัดซาแปอิงในครั้งนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวน 70 นาย พร้อมอาวุธปืนครบมือ ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จำนวน 3 จุด โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง เดินทางไปยังขนำในหมู่บ้านปาตี ม.2 ต.รือเสาะ ซึ่งเป็นจุดที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิงและพวก รวม 6 คน ได้มีการประชุมวางแผนเพื่อลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งมีการระบุหน้าที่ว่าแต่ละคนรับผิดชอบอะไร ซึ่งคนทำหน้าที่วางแผนก่อเหตุและรับส่งมอบชุดรีโมตคอนโทรลในการจุดชนวนระเบิด คือ นายรอแปะอิง หรือจูอิง อุเซ็ง ส่วนนายรอกิ วอเต๊ะ ทำหน้าที่แฝงตัวนำระเบิดไปวางที่จุดเป้าหมายร่วมกับนายโต๊ะแช ไม่ทราบนามสกุล ส่วนนายซือมัง ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ทำหน้าที่จัดเตรียมวัตถุระเบิด และนายอุสมาน ยะโกะ ซึ่งเสียชีวิตวันก่อเหตุเป็นคนจุดชนวนระเบิดร่วมกับนายมูฮัมหมัดซาแปอิง
ส่วนจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง เดินทางไปยังที่บริเวณจุดเกิดเหตุระเบิด ที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิง ให้การรับสารภาพว่าร่วมกับนายอุสมาน ที่เสียชีวิตวันเกิดเหตุไปแล้ว ได้ร่วมกันขี่และซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ในการสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งได้จุดชนวนระเบิด แต่เกิดความผิดพลาดทำให้นายอุสมานถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต ส่วนนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยในมือยังคงกำชุดรีโมตคอนโทรลอยู่
ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 50 เมตร เป็นจุดที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด และพยายามที่จะคลานไปกับพื้นถนน เพื่อนำชุดรีโมตคอนโทรลที่ใช้จุดชนวนระเบิดทิ้งในท่อระเบิดน้ำของเทศบาล แต่มีพยานในที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และได้นำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าในชุดรีโมตคอนโทรล มีคราบลายนิ้วมือแฝงของนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่การคลี่คลายคดีดังกล่าวในที่สุด
นอกจากนี้ การให้การรับสารภาพของนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ในครั้งนี้ ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมหลักฐานและได้อนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งเพิ่มเติมอีก 11 คน ซึ่งจากการแฝงตัวติดตามความเคลื่อนไหวพบว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ ตั้งแต่วันก่อเหตุ หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายมูอัมหมัดซาแปอิงเอาไว้ได้
วานนี้ (9 ต.ค.) ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผกก.สภ.รือเสาะ นายจำลอง ไกรดิษฐ์ นายอำเภอรือเสาะ และ พ.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อายุ 21 ปี จากศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน 12 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด รปภ.ครู ของสภ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา
เหตุเกิดบริเวณปากซอยถนนบาเละ ม.10 ต.รือเสาะ อ.รือสาะ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 นาย มาพูดคุยหลังนายมูอัมหมัดซาแปอิง ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จุดชนวนระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง พร้อมทั้งมีการซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบอีก จำนวน 11 คน รวมทั้งให้การรับสารภาพถึงขั้นตอนต่างๆ ในการวางแผนก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเชิญตัวโต๊ะอิหม่ามและทนายความมาเป็นสักขีพยานร่วมฟังการให้การรับสารภาพของ นายมูฮัมหมัดซาแปอิงในครั้งนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวน 70 นาย พร้อมอาวุธปืนครบมือ ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จำนวน 3 จุด โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง เดินทางไปยังขนำในหมู่บ้านปาตี ม.2 ต.รือเสาะ ซึ่งเป็นจุดที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิงและพวก รวม 6 คน ได้มีการประชุมวางแผนเพื่อลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งมีการระบุหน้าที่ว่าแต่ละคนรับผิดชอบอะไร ซึ่งคนทำหน้าที่วางแผนก่อเหตุและรับส่งมอบชุดรีโมตคอนโทรลในการจุดชนวนระเบิด คือ นายรอแปะอิง หรือจูอิง อุเซ็ง ส่วนนายรอกิ วอเต๊ะ ทำหน้าที่แฝงตัวนำระเบิดไปวางที่จุดเป้าหมายร่วมกับนายโต๊ะแช ไม่ทราบนามสกุล ส่วนนายซือมัง ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้ทำหน้าที่จัดเตรียมวัตถุระเบิด และนายอุสมาน ยะโกะ ซึ่งเสียชีวิตวันก่อเหตุเป็นคนจุดชนวนระเบิดร่วมกับนายมูฮัมหมัดซาแปอิง
ส่วนจุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัดซาแปอิง เดินทางไปยังที่บริเวณจุดเกิดเหตุระเบิด ที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิง ให้การรับสารภาพว่าร่วมกับนายอุสมาน ที่เสียชีวิตวันเกิดเหตุไปแล้ว ได้ร่วมกันขี่และซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ในการสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งได้จุดชนวนระเบิด แต่เกิดความผิดพลาดทำให้นายอุสมานถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต ส่วนนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยในมือยังคงกำชุดรีโมตคอนโทรลอยู่
ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 50 เมตร เป็นจุดที่นายมูฮัมหมัดซาแปอิง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด และพยายามที่จะคลานไปกับพื้นถนน เพื่อนำชุดรีโมตคอนโทรลที่ใช้จุดชนวนระเบิดทิ้งในท่อระเบิดน้ำของเทศบาล แต่มีพยานในที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และได้นำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่าในชุดรีโมตคอนโทรล มีคราบลายนิ้วมือแฝงของนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่นำไปสู่การคลี่คลายคดีดังกล่าวในที่สุด
นอกจากนี้ การให้การรับสารภาพของนายมูฮัมหมัดซาแปอิง ในครั้งนี้ ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมหลักฐานและได้อนุมัติศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งเพิ่มเติมอีก 11 คน ซึ่งจากการแฝงตัวติดตามความเคลื่อนไหวพบว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ ตั้งแต่วันก่อเหตุ หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายมูอัมหมัดซาแปอิงเอาไว้ได้
