ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - องค์กรสื่อออกมาจี้ตำรวจเร่งจับคนร้ายฆ่านักข่าว หลังถูกยิงเสียชีวิต 3 รายติดต่อกันในรอบ 3 เดือน
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุฆ่าผู้สื่อข่าว 3 รายในรอบ 3 เดือนติดต่อกัน ประกอบด้วย นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายจารึก รังเจริญ ผู้สื่อข่าวมติชน จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 28 กันยายน และล่าสุดเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) นายวัลลภ บุญสมภพ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นใน จ.ชลบุรี ถูกยิงเสียชีวิต
ในทางคดีพบว่า การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวทั้ง 3 ราย มีสาเหตุมาจากการทำหน้าในฐานะสื่อโดยเฉพาะการขุดคุ้ยเกี่ยวกับการทุจริตของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้าย และผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี เพราะแม้บางคดีจะมีการออกหมายจับไปแล้ว แต่ผู้ต้องการก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แม้แต่รายเดียว
ที่สำคัญอยากเรียกร้องไปยังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์อำนาจตำรวจในส่วนกลางจะต้องเกาะติดคดีนี้กับทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานไปยังตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุอย่าให้เรื่องเงียบหายไป
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนท้องถิ่น หลังจากนี้จะต้องรัดกุมมากขึ้นในเรื่องของข้อมูลและหากเป็นไปได้ก็ควรทำข่าวเป็นทีมและนำเสนอพร้อมๆ กันทุกฉบับ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมาย
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุฆ่าผู้สื่อข่าว 3 รายในรอบ 3 เดือนติดต่อกัน ประกอบด้วย นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายจารึก รังเจริญ ผู้สื่อข่าวมติชน จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 28 กันยายน และล่าสุดเมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) นายวัลลภ บุญสมภพ ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นใน จ.ชลบุรี ถูกยิงเสียชีวิต
ในทางคดีพบว่า การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวทั้ง 3 ราย มีสาเหตุมาจากการทำหน้าในฐานะสื่อโดยเฉพาะการขุดคุ้ยเกี่ยวกับการทุจริตของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ดังนั้น จึงต้องการเรียกร้องให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้าย และผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี เพราะแม้บางคดีจะมีการออกหมายจับไปแล้ว แต่ผู้ต้องการก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แม้แต่รายเดียว
ที่สำคัญอยากเรียกร้องไปยังสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์อำนาจตำรวจในส่วนกลางจะต้องเกาะติดคดีนี้กับทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานไปยังตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุอย่าให้เรื่องเงียบหายไป
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนท้องถิ่น หลังจากนี้จะต้องรัดกุมมากขึ้นในเรื่องของข้อมูลและหากเป็นไปได้ก็ควรทำข่าวเป็นทีมและนำเสนอพร้อมๆ กันทุกฉบับ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมาย