ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รมว.ท่องเที่ยว นำคณะทูตจาก 4 ประเทศ เดินทางท่องเที่ยวภูเก็ตชมสภาพความเป็นจริงแหล่งท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจเพื่อนำไปสู่การยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว
วันนี้ (2 ต.ค ) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะเอกอัครราชทูต และอุปทูต จากประเทศรัสเซีย สิงคโปร์ อิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย พร้อมคณะเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อเยี่ยมชมสภาพพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยว ในสถานการณ์ปัจจุบันของจังหวัดภูเก็ต หลังเกิดปัญหาประเทศต่างๆ หลายประเทศได้ออกข้อความเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
ทั้งนี้ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายเมธี ตันมานะตระกูล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการท่องเที่ยวภูเก็ต ให้การต้อนรับ
การเดินทางมาครั้งนี้ทางรัฐมนตรี ได้นำคณะเยี่ยมชมความสวยงามย่านตึกเก่า ใจกลางเมืองภูเก็ตซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามสไตล์ ชิโนโปรตุกีส พร้อมเยี่ยมชมศาลเจ้าบางเหนียว อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวมทั้งฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่ขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ตลอดจนรับทราบข้อเท็จจริง ความพร้อมด้านการท่องเที่ยว และความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และ กระบี่ เพื่อพิจารณาแจ้งข้อมูลแก่ประเทศตนเอง รวมทั้งความเป็นมาเกี่ยวกับงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต และได้เดินทางเข้าไหว้พระภายในศาลเจ้า
หลังจากนั้น รัฐมนตรีและคณะทูต ได้เดินทางต่อไปยังแหลมพรมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อชมความสวยงามของพระอาทิตย์ตก ที่แหลมพรหมเทพ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต
นายวีระศักดิ์ กล่าวถึงการนำคณะทูตจากประเทศเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดในกลุ่มอันดามัน ว่า การนำคณะทูตจากประเทศต่างๆ เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จัดขึ้น เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจและฟื้นฟูการท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุการณ์ปิดสนามบินขึ้น เพื่อให้คณะที่มาได้เห็นว่าการท่องเที่ยวในแถบอันดามัน สถานที่ท่องเที่ยว ความเป็นมิตรไมตรีของคน ในพื้นที่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
“ภาพที่คณะได้เห็นในวันนี้ (2 ต.ค.) ตั้งแต่การขึ้นเครื่องบินมาก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเต็มลำ เมื่อลงเครื่องก็จะพบกับกิจกรรมภายในสนามบินที่เป็นปกติทุกอย่าง ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็ได้นำไปชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆหลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนในพื้นที่มีความสามัคคีและร่วมมือกันเป็นอย่างดี ซึ่งสร้างความสบายใจให้กับคณะทูต ที่ร่วมเดินทางมาเป็นอย่างมาก” นายวีระศักดิ์ กล่าวและว่า
หลังจากที่คณะได้เห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว เชื่อว่า คณะทูตจะทำรายงานกลับไปยังประเทศของแต่ละคนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ทราบ ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งการทบทวนประกาศเตือนต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และจะทำให้การตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของตลาดกลุ่มเป้าหมายกับคืนมาสู่ภาวะปกติ
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเรียกร้องให้มีการยกเลิกประกาศเตือนของแต่ละประเทศนั้นคงจะไม่มีการเรียกร้อง เพราะการนำคณะทูตลงมาให้เห็นสภาพจริง จะเป็นสิ่งที่สื่อไปได้ดีที่สุด เพราะสาเหตุที่มีการประกาศเตือนนั้น เกิดจากเราเองที่สร้างข้อมูลขึ้นมาจนนำไปสู่การประกาศเตือนให้เกิดขึ้น โดยประเทศที่ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวมีด้วยกัน 23 ประเทศ แต่ขณะนี้ก็ได้ทยอยยกเลิกอย่างต่อเนื่อง ที่รับทราบแล้วมี 7 ประเทศ และคิดว่า หลังจากนี้ก็จะยังคงมีการยกเลิกเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย คงจะต้องรอให้มีการแถลงนโยบายก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬารวมทั้งภาคเอกชน ได้ร่วมมือกันวางแผนการตลาดมาตั้งแต่ช่วงกลางปีมาแล้ว เนื่องจากในช่วงนั้นหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องของค่าน้ำมัน และพลังงาน แต่เมื่อมาถึงช่วงนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องติดตามดำเนินการเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากเกิดเหตุการณ์ปิดสนามบิน รวมทั้งเศรษฐกิจวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวที่มาจากยุโรปและอื่นๆ
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนำคณะทูตลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดอันดามันแล้ว ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนไทยมากขึ้น เพราะในอนาคตราคาน้ำมันที่เปลี่ยนไป และผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีปัญหา การท่องเที่ยวจะต้องมองหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทน อาทิ รัฐเซีย อินเดีย และอาเซียน เนื่องจากเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯน้อย และสามารถที่จะเข้ามาทดแทนตลาดในยุโรปที่มีปัญหาได้
ปกติกลุ่มตลาดเหล่านี้ก็เดินทางเข้ามาพอสมควร เพียงแต่จะต้องเข้าไปสร้างความเข้มแข็งให้กับการท่องเที่ยวกลุ่มนี้มากขึ้นและสร้างการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น โดยหลังจากรัฐบาลได้แถลงนโยบายแล้ว ตนพร้อมคณะก็จะเดินทางไปทำตลาดที่ประเทศจีน เพราะถือเป็นตลาดใหญ่