นครศรีธรรมราช – “เทพไท” ปูดแผน “สมัคร” ลากประเทศเข้าสู่การรัฐประหารเอื้อประโยชน์คดี “ทักษิณ” ชี้พฤติกรรม “ซาดิสต์” สังคมควรเท่าทัน - ตอก 3 เกลอหัวกลมถามหาความรับผิดชอบไล่ตีพันธมิตรอุดรฯ
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รายการความจริงวันนี้ ที่ดำเนินรายการโดย 3 เกลอหัวกลม ได้กล่าวหาพาดพิงในการบุกเข้ายึด NBT ของกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รวม 8 คนเข้าร่วม และเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ รับผิดชอบ ในเรื่องนี้บุคคลทั้ง 8 อาจจะมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จริง แต่ด้วยสมาชิกพรรคที่มีถึง 4 ล้านคน มีความหลากหลายในสาขาอาชีพ ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนในการแสดงออกพรรคไม่สามารถไปควบคุมสมาชิกทั้ง 4 ล้านคนได้ หากรับผิดชอบจะต้องรับผิดชอบสมาชิกพรรครายอื่นๆ ที่ไปทำความผิดด้วย
ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบสมาชิกพรรคที่มีสถานภาพเป็น ส.ส.พรรคย่อมรับผิดชอบอยู่แล้ว ในทางกลับกันหากถามหาความรับผิดชอบพรรคพลังประชาชนต้องรับผิดชอบด้วย กรณีที่ นายอุทัย แสนแก้ว ร้องชายรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ หรือ นายขวัญชัย ที่นำกลุ่มคนไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯอุดรธานี บาดเจ็บสาหัส พรรคพลังประชาชนจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า คิดให้ดีการที่ประชาชนบุกเข้าไป NBT และอาจมีสมาชิกพรรคเข้าไปร่วมถือเป็นกรณีส่วนบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ เป็นความรู้สึกของประชาชนที่เห็นว่า NBT เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล และเป็นเครื่องมือในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม เช่นที่รายการความจริงวันนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งในความเกลียดชังของประชาชน จนถึงวันนี้ยังไม่รู้สำนึกตัวเองว่าประชาชนทั้งประเทศเกลียดชัง สอดคล้องกับนักวิชาการที่มอนิเตอร์รายการโทรทัศน์ทุกช่องพบว่า NBT ไม่เป็นกลางมากที่สุด และมีเสียงเรียกร้องให้ถอดรายการนี้ออกไปมากที่สุด ถ้ายังคงรายการนี้ต่อไปไม่แน่ใจว่าจะมีรายการบุกรอบ 2 หรือไม่ รัฐบาลไม่ควรโทษประชาชนเพียงฝ่ายเดียว ควรสำนึกด้วยว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ประชาชนทนไม่ได้จนเข้ายึด NBT ทั้งที่รู้ว่าต้องมีความผิดต้องรับโทษทางอาญา
นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดประชุม ครม.สัญจร ของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่จังหวัดอุดรธานี ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ถอยตามที่รัฐบาลเรียกร้อง แต่ถือเป็นการเปิดเกมรุกในภาคอีสานที่ประชาชนมีความนิยมในพลังประชาชน หลังจากเสร็จจากอีสานแล้วเชื่อว่าจะไปต่อที่ภาคเหนือ เป็นการเบิกเกมการระดมมวลชนตอกย้ำความแตกแยก
“หากมีความบริสุทธิ์ใจถามว่าเหตุใดจึงไม่จัดที่ภาคกลางหรือปริมณฑลของ กทม.หรือถ้าอยากพิสูจน์ตัวเองต้องจัดในภาคใต้เอาแค่ประจวบคีรีขันธ์ หรือชุมพร ก็เพียงพอไม่ต้องไปถึง 3 จังหวัด ดูท่าทีรัฐบาลแล้วโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีดึงดันในการทำการเมืองแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีการถอยตามเรียกร้องให้ถอยคนละก้าว ท่าทียังคงเป็นไปในลักษณะนี้กลัวว่าคณะทำงานเจรจาจะล้มเหลว” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ท้ายที่สุดวิกฤตจะไม่มีทางออก จนทำให้วิกฤตการต้องแก้ด้วยการใช้กำลังของกองทัพ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทุกฝ่ายต้องร่วมหาทางออกที่หลีกเลี่ยงการรัฐประหาร แต่เท่าที่ติดตามนั้นมองได้ว่านายกรัฐมนตรีอาจมีแผนการที่จะลากวิกฤตนี้ให้เข้าสู่การรัฐประหารให้ได้
“แนวทางการลาออกนั้นคนที่เจ็บ คือ นายกฯ เพียงคนเดียว คนอื่นยังเป็น ส.ส.ครบแนวยุบสภาเจ็บด้วยกันทุกคน และทุกคนมีสิทธิกลับคืนมายกเว้นนายกฯ ส่วนแนวการรัฐประหารนั้น ถือว่าทุกคนกระทบหมดคณะกรรมการต่างๆ ส.ส.พรรคการเมือง ถูกยุบไม่แน่ใจว่าจะกลับมาได้อีกหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่า นายสมัคร ซาดิสต์ ที่ต้องการเห็นความล้มเหลวของบ้านเมืองของทุกฝ่าย ถือเอาว่าเมื่อตัวเองไม่ได้ ทุกคนต้องไม่ได้เหมือนกันหมด และลึกไปกว่านั้นนายสมัครมีแผนจงใจที่จะทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้น เพื่อต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เอื้อต่อคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะต้องเริ่มใหม่หรืออย่างน้อยเพื่อยื้อเวลาออกไปยังจุดเริ่มต้น เพื่อเข้าไปแทรกแซงการร่าง กฎหมายใหม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องมากกว่าใช้กฎหมายในปัจจุบัน สังคมต้องพิจารณา” นายเทพไท กล่าว
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รายการความจริงวันนี้ ที่ดำเนินรายการโดย 3 เกลอหัวกลม ได้กล่าวหาพาดพิงในการบุกเข้ายึด NBT ของกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รวม 8 คนเข้าร่วม และเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ รับผิดชอบ ในเรื่องนี้บุคคลทั้ง 8 อาจจะมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จริง แต่ด้วยสมาชิกพรรคที่มีถึง 4 ล้านคน มีความหลากหลายในสาขาอาชีพ ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนในการแสดงออกพรรคไม่สามารถไปควบคุมสมาชิกทั้ง 4 ล้านคนได้ หากรับผิดชอบจะต้องรับผิดชอบสมาชิกพรรครายอื่นๆ ที่ไปทำความผิดด้วย
ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบสมาชิกพรรคที่มีสถานภาพเป็น ส.ส.พรรคย่อมรับผิดชอบอยู่แล้ว ในทางกลับกันหากถามหาความรับผิดชอบพรรคพลังประชาชนต้องรับผิดชอบด้วย กรณีที่ นายอุทัย แสนแก้ว ร้องชายรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ หรือ นายขวัญชัย ที่นำกลุ่มคนไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯอุดรธานี บาดเจ็บสาหัส พรรคพลังประชาชนจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า คิดให้ดีการที่ประชาชนบุกเข้าไป NBT และอาจมีสมาชิกพรรคเข้าไปร่วมถือเป็นกรณีส่วนบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ เป็นความรู้สึกของประชาชนที่เห็นว่า NBT เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล และเป็นเครื่องมือในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม เช่นที่รายการความจริงวันนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งในความเกลียดชังของประชาชน จนถึงวันนี้ยังไม่รู้สำนึกตัวเองว่าประชาชนทั้งประเทศเกลียดชัง สอดคล้องกับนักวิชาการที่มอนิเตอร์รายการโทรทัศน์ทุกช่องพบว่า NBT ไม่เป็นกลางมากที่สุด และมีเสียงเรียกร้องให้ถอดรายการนี้ออกไปมากที่สุด ถ้ายังคงรายการนี้ต่อไปไม่แน่ใจว่าจะมีรายการบุกรอบ 2 หรือไม่ รัฐบาลไม่ควรโทษประชาชนเพียงฝ่ายเดียว ควรสำนึกด้วยว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ประชาชนทนไม่ได้จนเข้ายึด NBT ทั้งที่รู้ว่าต้องมีความผิดต้องรับโทษทางอาญา
นายเทพไท กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดประชุม ครม.สัญจร ของ นายสมัคร สุนทรเวช ที่จังหวัดอุดรธานี ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ถอยตามที่รัฐบาลเรียกร้อง แต่ถือเป็นการเปิดเกมรุกในภาคอีสานที่ประชาชนมีความนิยมในพลังประชาชน หลังจากเสร็จจากอีสานแล้วเชื่อว่าจะไปต่อที่ภาคเหนือ เป็นการเบิกเกมการระดมมวลชนตอกย้ำความแตกแยก
“หากมีความบริสุทธิ์ใจถามว่าเหตุใดจึงไม่จัดที่ภาคกลางหรือปริมณฑลของ กทม.หรือถ้าอยากพิสูจน์ตัวเองต้องจัดในภาคใต้เอาแค่ประจวบคีรีขันธ์ หรือชุมพร ก็เพียงพอไม่ต้องไปถึง 3 จังหวัด ดูท่าทีรัฐบาลแล้วโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีดึงดันในการทำการเมืองแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่มีการถอยตามเรียกร้องให้ถอยคนละก้าว ท่าทียังคงเป็นไปในลักษณะนี้กลัวว่าคณะทำงานเจรจาจะล้มเหลว” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ท้ายที่สุดวิกฤตจะไม่มีทางออก จนทำให้วิกฤตการต้องแก้ด้วยการใช้กำลังของกองทัพ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทุกฝ่ายต้องร่วมหาทางออกที่หลีกเลี่ยงการรัฐประหาร แต่เท่าที่ติดตามนั้นมองได้ว่านายกรัฐมนตรีอาจมีแผนการที่จะลากวิกฤตนี้ให้เข้าสู่การรัฐประหารให้ได้
“แนวทางการลาออกนั้นคนที่เจ็บ คือ นายกฯ เพียงคนเดียว คนอื่นยังเป็น ส.ส.ครบแนวยุบสภาเจ็บด้วยกันทุกคน และทุกคนมีสิทธิกลับคืนมายกเว้นนายกฯ ส่วนแนวการรัฐประหารนั้น ถือว่าทุกคนกระทบหมดคณะกรรมการต่างๆ ส.ส.พรรคการเมือง ถูกยุบไม่แน่ใจว่าจะกลับมาได้อีกหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่า นายสมัคร ซาดิสต์ ที่ต้องการเห็นความล้มเหลวของบ้านเมืองของทุกฝ่าย ถือเอาว่าเมื่อตัวเองไม่ได้ ทุกคนต้องไม่ได้เหมือนกันหมด และลึกไปกว่านั้นนายสมัครมีแผนจงใจที่จะทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้น เพื่อต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เอื้อต่อคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะต้องเริ่มใหม่หรืออย่างน้อยเพื่อยื้อเวลาออกไปยังจุดเริ่มต้น เพื่อเข้าไปแทรกแซงการร่าง กฎหมายใหม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องมากกว่าใช้กฎหมายในปัจจุบัน สังคมต้องพิจารณา” นายเทพไท กล่าว