ตรัง - สถานีขนส่งจังหวัดตรังเพิ่มจำนวนรถ เพื่อช่วยระบายผู้โดยสารที่ตกค้างจากสถานีรถไฟ หลังจากที่ประกาศจุดยืนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯหยุดบริการเป็นเวลา 6 วัน จนทำให้ผู้โดยสารตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
วันนี้ (4 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรังรายงานว่า จากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น นับตั้งวันที่ 29 สิงหาคม 2551 หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้กำลังสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ จนส่งผลให้สหภาพแรงงานหลายหน่วยงาน ประกาศจุดยืนร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้รถไฟหลายขบวน โดยเฉพาะในภาคใต้ต้องหยุดเดินรถ รวมทั้งขบวนรถไฟ ทั้ง 2 ขบวนในจังหวัดตรัง คือ ขบวนรถเร็ว กันตัง-กรุงเทพฯ และขบวนรถด่วน ตรัง-กรุงเทพฯ ซึ่งก็หยุดเดินรถมาแล้ว 6 วัน เนื่องจากพนักงานขับรถไฟได้ขอลางานไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสารบางส่วนต้องเปลี่ยนแปลงการเดินทางโดยหันไปโดยสารรถทัวร์แทน
สถานีขนส่ง (บขส.) ตรัง ได้มีการเพิ่มจำนวนรถเพื่อช่วยระบายผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพราะไม่ต้องการให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ในจังหวัดตรัง นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมเป็นต้นมาเช่นเดียวกันนั้น
นางสาวพรพิมล กลิ่นหอม นายสถานีเดินรถจังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ทางสถานีขนส่งตรังยังคงเพิ่มจำนวนรถทัวร์ไว้คอยให้บริการแก่ประชาชนเป็นประจำทุกวัน แต่จะมีการพิจารณาจำนวนผู้โดยสารแบบวันต่อวัน เพื่อการกำหนดการเพิ่มจำนวนรถ ทั้งในส่วนของสถานีขนส่งและรถร่วม เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ที่จะมีจำนวนผู้โดยสารมากกว่าวันปกติ ทำให้ในช่วงนี้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม หากจำนวนรถทัวร์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร ทางสถานีขนส่งตรังจะประสานรถหมวด 3 เส้นทาง 441 มาช่วยเสริม หรืออาจจะมีการขออนุญาตกับทางสำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง ในการนำรถทะเบียน 30 มาเสริมในช่วงนี้ด้วย ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณของผู้โดยสารในแต่ละวัน
ขณะนี้สัดส่วนของผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟเดิมแล้วหันมาเปลี่ยนใช้บริการรถทัวร์ ก็ยังถือว่ามีจำนวนไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากประชาชนชาวตรังส่วนใหญ่ยังนิยมโดยสารรถไฟมากกว่ารถทัวร์ ดังนั้น หลายคนจึงยอมเลื่อนการเดินทางไปกรุงเทพฯ ออกไปก่อน และรอจนกว่ารถไฟจะกลับมาวิ่งตามปกติ
ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวยังมองว่าเรื่องของงานให้บริการนั้นไม่ควรทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และอยากให้มีการกลับมาทำงานตามปกติโดยเร็ว
