พัทลุง – เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดพัทลุง วิ่งเต้นตลบขอผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพาราทำบันทึกข้อตกลงไม่ได้เรียกเก็บส่วยรายเดือน อ้างที่เก็บส่งให้หัวหน้าหน่วยตอนสิ้นเดือน เพื่อจัดงานเลี้ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า หลังจากที่ผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพาราหลายรายในพื้นที่ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในจังหวัด ว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) เดินสายขอสนับสนุนเงินและสิ่งของจากผู้ประกอบการ โดยบางรายถูกเรียก 3,000-10,000 บาท กล่าวอ้างว่าจะนำเงินและสิ่งของดังกล่าวส่งให้หัวหน้าหน่วยตอนสิ้นเดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายกมลวัฒน์ ยังสังข์ หน.ป้องกันรักษาที่ พท.3 (ควนขนุน) พร้อมเจ้าหน้าที่นับ 10 นาย แต่งชุดเต็มเครื่องแบบ อาวุธปืนครบมือเดินทางเพื่อขอทำข้อตกลงบันทึกชี้แจงกับผู้ประกอบการ เพื่อให้ตัวเองและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานไม่ให้ถูกตรวจสอบ โดยในหนังสือบันทึกได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) ได้ออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อตรวจสอบ กรณีที่ผู้สื่อข่าวรายงาน ให้ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ว่าผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารารายหนึ่งใน อ.เขาชัยสน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากเจ้าหน้าที่หน่วยฯ ตระเวนเก็บส่วย ทางหน่วยฯ ได้ตรวจสอบ สอบถามกับผู้ประกอบการรายหนึ่ง คือนายจำเริญ ราชเมืองขวาง อยู่บ้านเลขที่ 353 ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เจ้าของผู้ประกอบการลานรับชื้อไม้ยางพารา แล้วได้ความว่า ไม่เคยส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) และไม่เคยมีเจ้าหน้าที่หน่วยฯ มาเรียกเก็บส่วยแต่อย่างใด อนึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ มิได้บังคับขู่เข็ญ ผู้ประกอบการ หรือพยานแต่อย่างใด จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้เป็นหลักฐาน
นายจำเริญ ราชเมืองขวาง ผู้ประกอบการ นายกมลวัฒน์ ยังสังข์ หน.ป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) นายวิมล หนูใหม่ จนท.นายปกรร์ บุญยังดำรง จนท. นายนพพร แก้วเอียด จนท. นายพิศาล ดำหนูอินทร์ จนท.นายเอี่ยม คงชู จนท.นายคธาวุฒิ เกลี้ยงแก้ว จนท. นายสถิตย์ ฤทธิ์ช่วย จนท.นายสาธร โยมเอียด จนท. นายทวีป ทองมีเหลือ จนท.และนายมีชัย เมืองสง ผย.ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน พยาน
ในขณะที่ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารารายหนึ่งยังคงนำหลักฐานการเรียกเก็บเงินและการขอสนับสนุนสิ่งของจากผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารา โดยการบันทึกเสียงการพูดคุยระหว่างนายทวีป ทองมีเหลือ เจ้าหน้าที่ฯ และผู้ประกอบการฯ ว่า ตนได้ดูแลลานรับชื้อไม้ยางพาราในพื้นที่ที่นี้มานาน ซึ่งปลายเดือนนี้ทาง หน.หน่วยจะมีการจัดเลี้ยง จึงขอการสนับสนุนจากท่าน ซึ่งสะดวกหรือไม่ หากสะดวกสามารถมอบผ่านทางผม เหมือนกับผู้ประกอบการายอื่น โดยก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการายอื่นได้นำสิ่งของจำพวกเหล้า เบียร์มาให้แล้วหลายราย ซึ่งตนก็กำลังรวบรวมเพื่อที่จะส่งให้เจ้านายในปลายเดือน และหากวันนี้ยังไม่สะดวก ทางผมค่อยโทรมาทางโทรศัพท์มาอีกที หนึ่ง
โดยทางผู้ประกอบการได้สอบถามเพิ่มเติมว่า การเปิดลานรับชื้อไม้ยางพาราที่จดทะเบียนถูกต้องของตนที่ทำอยู่ผิดไหม ทางนายทวีป กล่าวว่า ตนในฐานะดูแลพื้นที่ วันนี้อาจจะไม่ผิด แต่วันข้างหน้าอาจจะผิดก็ได้ ซึ่งคำพูดดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการหลายราย นำสิ่งของตามสมควรให้ดังกล่าว แต่ตนเองนั้นยังมิได้ให้อะไร ก็ยังเกรงอยู่เหมือนกันว่าวันข้างหน้าอาจจะถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยดังกล่าวก็เป็นได้
ทางด้านนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เรื่องกรณีการร้องเรียนดังกล่าว ขณะนี้ได้ทราบเรื่องแล้ว และกำลังเร่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนได้ส่วนเสีย หรือกระทำผิดหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า หลังจากที่ผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพาราหลายรายในพื้นที่ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในจังหวัด ว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) เดินสายขอสนับสนุนเงินและสิ่งของจากผู้ประกอบการ โดยบางรายถูกเรียก 3,000-10,000 บาท กล่าวอ้างว่าจะนำเงินและสิ่งของดังกล่าวส่งให้หัวหน้าหน่วยตอนสิ้นเดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายกมลวัฒน์ ยังสังข์ หน.ป้องกันรักษาที่ พท.3 (ควนขนุน) พร้อมเจ้าหน้าที่นับ 10 นาย แต่งชุดเต็มเครื่องแบบ อาวุธปืนครบมือเดินทางเพื่อขอทำข้อตกลงบันทึกชี้แจงกับผู้ประกอบการ เพื่อให้ตัวเองและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานไม่ให้ถูกตรวจสอบ โดยในหนังสือบันทึกได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) ได้ออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อตรวจสอบ กรณีที่ผู้สื่อข่าวรายงาน ให้ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ว่าผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารารายหนึ่งใน อ.เขาชัยสน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากเจ้าหน้าที่หน่วยฯ ตระเวนเก็บส่วย ทางหน่วยฯ ได้ตรวจสอบ สอบถามกับผู้ประกอบการรายหนึ่ง คือนายจำเริญ ราชเมืองขวาง อยู่บ้านเลขที่ 353 ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เจ้าของผู้ประกอบการลานรับชื้อไม้ยางพารา แล้วได้ความว่า ไม่เคยส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) และไม่เคยมีเจ้าหน้าที่หน่วยฯ มาเรียกเก็บส่วยแต่อย่างใด อนึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ มิได้บังคับขู่เข็ญ ผู้ประกอบการ หรือพยานแต่อย่างใด จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้เป็นหลักฐาน
นายจำเริญ ราชเมืองขวาง ผู้ประกอบการ นายกมลวัฒน์ ยังสังข์ หน.ป้องกันรักษาป่าที่ พท.3 (ควนขนุน) นายวิมล หนูใหม่ จนท.นายปกรร์ บุญยังดำรง จนท. นายนพพร แก้วเอียด จนท. นายพิศาล ดำหนูอินทร์ จนท.นายเอี่ยม คงชู จนท.นายคธาวุฒิ เกลี้ยงแก้ว จนท. นายสถิตย์ ฤทธิ์ช่วย จนท.นายสาธร โยมเอียด จนท. นายทวีป ทองมีเหลือ จนท.และนายมีชัย เมืองสง ผย.ม.6 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน พยาน
ในขณะที่ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารารายหนึ่งยังคงนำหลักฐานการเรียกเก็บเงินและการขอสนับสนุนสิ่งของจากผู้ประกอบการรับชื้อไม้ยางพารา โดยการบันทึกเสียงการพูดคุยระหว่างนายทวีป ทองมีเหลือ เจ้าหน้าที่ฯ และผู้ประกอบการฯ ว่า ตนได้ดูแลลานรับชื้อไม้ยางพาราในพื้นที่ที่นี้มานาน ซึ่งปลายเดือนนี้ทาง หน.หน่วยจะมีการจัดเลี้ยง จึงขอการสนับสนุนจากท่าน ซึ่งสะดวกหรือไม่ หากสะดวกสามารถมอบผ่านทางผม เหมือนกับผู้ประกอบการายอื่น โดยก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการายอื่นได้นำสิ่งของจำพวกเหล้า เบียร์มาให้แล้วหลายราย ซึ่งตนก็กำลังรวบรวมเพื่อที่จะส่งให้เจ้านายในปลายเดือน และหากวันนี้ยังไม่สะดวก ทางผมค่อยโทรมาทางโทรศัพท์มาอีกที หนึ่ง
โดยทางผู้ประกอบการได้สอบถามเพิ่มเติมว่า การเปิดลานรับชื้อไม้ยางพาราที่จดทะเบียนถูกต้องของตนที่ทำอยู่ผิดไหม ทางนายทวีป กล่าวว่า ตนในฐานะดูแลพื้นที่ วันนี้อาจจะไม่ผิด แต่วันข้างหน้าอาจจะผิดก็ได้ ซึ่งคำพูดดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการหลายราย นำสิ่งของตามสมควรให้ดังกล่าว แต่ตนเองนั้นยังมิได้ให้อะไร ก็ยังเกรงอยู่เหมือนกันว่าวันข้างหน้าอาจจะถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยดังกล่าวก็เป็นได้
ทางด้านนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เรื่องกรณีการร้องเรียนดังกล่าว ขณะนี้ได้ทราบเรื่องแล้ว และกำลังเร่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนได้ส่วนเสีย หรือกระทำผิดหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ