ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – หอการค้าสงขลาเผยแนวทางฉุดหาดใหญ่หนีวิกฤตท่องเที่ยวซบเซา ชงรัฐไฟเขียวผุดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ครบวงจรทั้งสวนสนุก ชอปปิ้ง และกาสิโน เป็นแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยว ชี้มาเลย์-สิงคโปร์มองการณ์ไกลไร้ทรัพยากรท่องเที่ยว แต่กล้าลงทุนผุดกาสิโนใหม่รับศักราชใหม่ จ่อเขย่าฐานท่องเที่ยวหาดใหญ่อีกรอบ ลั่นเดินหน้าหนุนเต็มที่ไม่หวั่นรัฐอ้างไร้เงิน เผยมีกลุ่มนายทุนเล็งเห็นโอกาสพร้อมควัก 2,000 ล้านบาททันที หากรัฐอนุญาต
แรงกระทบของเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังส่งผลต่อเนื่องต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เคยเป็นทั้งประตูการท่องเที่ยว การค้าของด้ามขวานไทย ซึ่งแม้ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ปราศจากเหตุความรุนแรงในพื้นที่ได้กว่า 1 ปี แล้ว แต่ทว่าความถดถอยที่ตัวสินค้าท่องเที่ยวเสื่อมมนต์ขลังลง ยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์ฟื้นตัวได้ยากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันอิศรามูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับ นสพ.สมิหลา ไทม์ โดยการสนับสนุนของ สสส.และเทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อระดมสมองในเวทีสาธารณะ “ท่องเที่ยวหาดใหญ่จะไปทางไหน” โดยมีหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมไขทางออก
นายสุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า ทางออกของการท่องเที่ยวหาดใหญ่นั้น ต้องมีการสร้างสินค้าใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ โดยหอการค้าฯ จะใช้การผลักดันทางเศรษฐกิจเป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากความมั่นใจความไม่ปลอดภัย ซึ่งเมืองหาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ ประกอบกับถือเป็นยุคที่การท่องเที่ยวหมดสิ้นบุญเก่าจากสินค้าหนีภาษี ไปนานแล้ว นอกเหนือจากที่ฝ่ายความมั่นคงใช้การทหารแก้ปัญหาความไม่สงบ
ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดสงขลาพยายามผลักดันใน 2 โครงการใหญ่ ได้แก่1.กิจกรรมพิธีวิวาห์ลอยฟ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขนเขาคอหงส์ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ต้องการสร้างกระเช้าลอยฟ้าบริเวณสวนสาธารณะหาดใหญ่สู่ยอดเขา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหาดใหญ่ และเจ้าแม่กวนอิม และ 2.สร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งแหล่งชอปปิ้ง สวนสนุก และกาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายและควบคุมได้
“หอการค้าฯ มองว่าถ้าเกิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัย และเป็นจุดขายใหม่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและสายการบินเข้ามาในพื้นที่อย่างแน่นอน เคยเข้าพบกับรองนายกรัฐมนตรีที่กรุงเทพฯ เพื่อขอให้สนับสนุนนโยบายนี้ ซึ่งท่านบอกว่าไม่ยุติธรรมนัก ที่จะให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เกิดขึ้นในหาดใหญ่ แม้จะทราบดีว่าเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ ทำให้มีปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่าพื้นที่อื่นก็ตาม ทั้งผลกระทบจากนักท่องเที่ยวน้อย ทำให้สายการบินนานาชาติประสบภาวะขาดทุนและยกเลิกเส้นทางบินก็ตาม” นายสุรชัยกล่าว
แม้ว่าต้นทุนของโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสูงราว 2,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมหากรัฐบาลเปิดไฟเขียว เพราะระหว่างที่มีการนำโครงการนี้พูดคุยกับกลุ่มทุนต่างๆ พบว่า ได้รับความสนใจมาก และหอการค้าจังหวัดสงขลาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบต่อการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และกาสิโน เพื่อฟังกระแสของสังคมว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งคาดว่าผลการวิจัยจะเสร็จสิ้นราวกลางเดือนสิงหาคมนี้
“เมื่อเหลียวไปมองประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของหาดใหญ่ต่างพยายามสร้างจุดขายใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจะเห็นได้จากการลงทุนสร้างกระเช้าลอยฟ้า สวนสนุก และกาสิโนขนาดใหญ่ โดยปลายปีนี้จะเปิดกาสิโนแห่งใหม่ในสิงคโปร์อย่างแน่นอน ส่วนที่เกาะลังกาวีก็มีโครงการที่จะผุดกาสิโนแห่งใหม่เช่นเดียวกัน หาดใหญ่จึงต้องคิดหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงด้วย ” นายสุรชัยกล่าวและว่า
สำหรับทำเลของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เบื้องต้นมี 2 ตัวเลือกคือที่ดิน 70 ไร่ใน อ.นาหม่อม ซึ่งอยู่ติดกับหาดใหญ่ เดิมทีเทศบาลนครหาดใหญ่ซื้อไว้เพื่อทำเป็นที่ทิ้งขยะ แต่มีเสียงต่อต้านจากชุมชน และที่ดิน บริเวณเนินพิจิตร
ด้านนายกุล สุนทรวิจิตร นายกสมาคมมัคคุเทศก์ จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากการที่สายการบินนานาชาติยุติเส้นทางบินสู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ทำให้กลายเป็นสนามบินภายในประเทศตั้งแต่ปลายปี 2550 ทำให้หาดใหญ่สูญเสียนักท่องเที่ยวซึ่งเคยมาหาดใหญ่กับสายการบินเที่ยวละ 100 ราย ล้วนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมีรายได้สูง และไม่สะดวกที่จะต้องต่อสายการบินจากกรุงเทพฯ เข้ามาหาดใหญ่ เพราะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เลือกเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่มีการเดินทางสะดวก
ขณะนี้ในวันธรรมดาจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงแค่ 10% แต่นักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเข้ามามากในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ซึ่งห้องพักถูกจองหมด ทำให้หลายครั้ง บริษัทนำเที่ยวต้องนำนักท่องเที่ยวไปนอนค้างคืนที่อื่น ทั้งกระบี่และตรังแทน หากเมืองหาดใหญ่มีจุดขายด้านกระเช้าลอยฟ้าหรือสินค้าอื่นๆ ก็น่าจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในวันธรรมดาได้มากขึ้น
“นอกจากเราจะหาสินค้าใหม่ๆ ให้แก่เมืองหาดใหญ่แล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เมืองหาดใหญ่มีสภาพเศรษฐกิจคล่องขึ้น คือ ความมั่นใจในความปลอดภัย หากเมื่อใดที่มีความมั่นใจได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ นักท่องเที่ยวมาเลเซียก็มั่นใจที่จะกลับมาเที่ยวเช่นเดิม เพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน ส่วนนักท่องเที่ยวไทย ประเทศเรายังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นตัวเลือกมากมาย ก็อาจจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวหาดใหญ่โดยตรง” นายกุลกล่าว
ขณะที่นายประภาส อินทนปสาธน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่-พัทลุง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์ของ ททท. จะขายการท่องเที่ยวในกลุ่มทั่วไป แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ททท.ได้พยายามเจาะตลาดเป็นกลุ่ม เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามารู้จักและเกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมกับการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดทั้งสัปดาห์ ทั่วทั้งจังหวัดสงขลาและพัทลุงด้วย
อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นได้ต้องเกิดจากความต้องการของคนในท้องถิ่นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เจ้าบ้านต้อนรับด้วยมิตรไมตรี รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยวซึ่งจะเป็นสื่อกลางชักชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ด้วย อันจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและได้ประโยชน์ทุกฝ่าย