นราธิวาส - สื่อต่างชาติ 17 ชีวิต เดินทางลงพื้นที่นราธิวาส สัมผัสความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมเชื่อปัญหาความไม่สงบไม่ได้เกิดจากความต่างทางศาสนา
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำคณะสื่อมวลชนต่างประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา รวม 14 ประเทศ จำนวน 17 คน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ทางหน่วยงานที่ร่วมกันจัดขึ้นนั้น ต้องการให้สื่อมวลชนจากต่างประเทศเห็นสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบ
โดยคณะได้นั่งเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดยะลา มาลงที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส โดยมี นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ จากนั้นคณะได้เดินทางเยี่ยมชมกลุ่มอาชีพผ้าบาติก ต.ไพรวัน อ.ตากใบ และเดินทางต่อไปยังศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อชมโครงการตามแนวพระราชดำริและชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับจังหวัดนราธิวาส พร้อมกันนี้ ทางจังหวัดได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนต่างประเทศได้ซักถามข้อมูลต่างๆ โดยมี นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นผู้ตอบคำถาม
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของกลุ่มสื่อมวลชนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่อยากจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่มัสยิดกรือแซะ เหตุการณ์สลายการชุมชนม็อบตากใบ นอกจากนี้ ในช่วงเปิดโอกาสให้ซักถามนั้น มีการสอบถามถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น รวมถึงแนวทางที่รัฐบาลใช้แก้ปัญหาความไม่สงบ
ด้าน นายมูฮำหมัด จอนเซ็น ผู้สื่อข่าวจากประเทศจอร์แดน กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ ว่า ตนเองและเพื่อนๆ สื่อรู้สึกตื่นเต้นมาก อีกทั้งยังรู้สึกแปลกใจที่ในประเทศไทยมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากในทุกพื้นที่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่นั้นสามารถอยู่รวมกันได้อย่างสันติสุข ตนเองจึงเชื่อว่าปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นจึงไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านศาสนาอย่างแน่นอน
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำคณะสื่อมวลชนต่างประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกา รวม 14 ประเทศ จำนวน 17 คน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ทางหน่วยงานที่ร่วมกันจัดขึ้นนั้น ต้องการให้สื่อมวลชนจากต่างประเทศเห็นสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบ
โดยคณะได้นั่งเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดยะลา มาลงที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส โดยมี นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ จากนั้นคณะได้เดินทางเยี่ยมชมกลุ่มอาชีพผ้าบาติก ต.ไพรวัน อ.ตากใบ และเดินทางต่อไปยังศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อชมโครงการตามแนวพระราชดำริและชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับจังหวัดนราธิวาส พร้อมกันนี้ ทางจังหวัดได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนต่างประเทศได้ซักถามข้อมูลต่างๆ โดยมี นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นผู้ตอบคำถาม
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ของกลุ่มสื่อมวลชนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่อยากจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่มัสยิดกรือแซะ เหตุการณ์สลายการชุมชนม็อบตากใบ นอกจากนี้ ในช่วงเปิดโอกาสให้ซักถามนั้น มีการสอบถามถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น รวมถึงแนวทางที่รัฐบาลใช้แก้ปัญหาความไม่สงบ
ด้าน นายมูฮำหมัด จอนเซ็น ผู้สื่อข่าวจากประเทศจอร์แดน กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ ว่า ตนเองและเพื่อนๆ สื่อรู้สึกตื่นเต้นมาก อีกทั้งยังรู้สึกแปลกใจที่ในประเทศไทยมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากในทุกพื้นที่ ซึ่งในแต่ละพื้นที่นั้นสามารถอยู่รวมกันได้อย่างสันติสุข ตนเองจึงเชื่อว่าปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นจึงไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านศาสนาอย่างแน่นอน