ศูนย์ข่าวภูเก็ต- “ยามฯภูเก็ต” ยืนยันการเคลื่อนไหวขึ้นไปร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับเงินบริจาคจากนักธุรกิจในพื้นที่ ไม่ใช่จากแกนนำพันธมิตรฯส่วนกลาง ตามที่ถูกโจมตีอย่างหนักในขณะนี้ พร้อมโต้มีศักดิ์ศรีพอไม่รับเงินขายวิญญาณให้นักการเมืองคนละ 10 ล้านบาท แน่ เหตุทุกคนมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ต้องขายความเป็นคนกิน
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวโจมตีการเคลื่อนไหวของกลุ่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต อย่างหนักในช่วงนี้ ว่า กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ได้รับเงินสนับสนุนจากพันธมิตรฯส่วนกลาง เป็นค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนไหวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดสด บรรยากาศการรวมตัวชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลาง จากหน้าทำเนียบรัฐบาล การเดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลางทุกครั้งที่ผ่านมา ว่า
การเดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลาง และ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 มีประชาชนชาว จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา เดินทางร่วมไปกับคณะของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จำนวน 2 คันรถบัส 5 คันรถตู้ ทางกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ได้รับเงินสนับสนุนจากพันธมิตรฯส่วนกลางเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวจำนวนกว่า 300,000 บาท
ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางทั้งหมด ทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจท่านหนึ่ง ที่ดำเนินกิจการอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยระดมทุนจากกลุ่มพ่อค้า และแม่ค้า ต่างๆ ได้มาประมาณ 170,000 บาท ซึ่งไม่พอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยซ้ำ เพราะทั้งค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน และค่าห้องพัก รวมแล้วกว่า 250,000 บาท
คณะกรรมการกลุ่มยังต้องระดมทุนจากเงินส่วนตัวของแต่ละคน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเกินทั้งหมด และเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้ที่เดินทางไปด้วยกัน เพราะเราไม่มีการปิดบัง แต่ที่น่าเสียใจ และเสียศรัทธามากที่สุดของกระแสข่าวดังกล่าวนี้ คือ “คำพูดโจมตีพันธมิตรฯส่วนกลาง และกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตในครั้งนี้ ออกมาจากปากของนายอำเภอท่านหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า ข้าราชการ ซึ่งเป็นข้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่กลับกลายเป็นว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านนี้ รับเพียงข้อมูลด้านเดียวจากฝั่งรัฐบาล จากหน่วยงานของรัฐ ถ้าหากนายอำเภอท่านนี้ ต้องการที่จะทราบข้อมูลความเป็นจริง ก็สามารถมาคุยกับตนเอง หรือคณะกรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินได้ทุกคน ไม่ใช่นั่งเทียนเดาเอาเอง โดยที่ไม่รู้ข้อมูลที่เป็นความจริง ที่ผ่านมา ไม่เคยมีหน่วยงานความมั่นคงหน่วยใดในพื้นที่ เข้ามาสอบถามข้อมูลการรวมตัวเคลื่อนไหวของกลุ่ม แต่กลับรายงานเบื้องบนด้วยข้อมูลที่เกินความจริง”
ยัน! ได้คนละ 10 ล้านจากนักการเมืองสู้นอนอยู่บ้านดีกว่า
ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้โจมตี ว่า คณะกรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ทั้ง 13 คน ได้รับเงินจากนักการเมืองคนหนึ่งคนละ 10 ล้านบาท ให้หยุดการเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา โดยการเดินทางขึ้นไปร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯส่วนกลาง ว่า เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ตลกมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตรวมตัวกันมาได้ 1 ปี กับอีก 5 วัน คณะกรรมการทุกคนมีแต่เสียเงินตลอดรวมแล้วก็คนละไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท
“เราเรี่ยไรเงินของสมาชิกกลุ่ม สำหรับการจัดซื้อเครื่องโปรเจกเตอร์ เป็นเงิน 33,000 บาท เพราะหากเช่าต้องมีค่าใช้จ่ายคืนละ 3,000 บาท คำนวณแล้วจะไม่คุ้มค่ากัน ประกอบกับสมาชิกกลุ่มทุกคนเห็นด้วยว่า สมควรที่จะซื้อเป็นทรัพย์สินของกลุ่ม เพื่อให้การทำงานของกลุ่ม ง่าย และสะดวกขึ้น ส่วนเครื่องเสียง เราเพิ่งระดมทุนได้ครั้งล่าสุด 31,650 บาท ซื้อมาได้ประมาณ 10 วัน ยืนยันว่า เราไม่เคยรับเงินจากใคร หรือคนกลุ่มใด เพราะเราประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ไม่เอานักการเมือง และไม่รู้สึกกดดันกับการถูกโจมตีในครั้งนี้ เพราะชาวภูเก็ตทุกคนรู้จักพวกเราดี” ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าว
กลุ่มไม่เคยแม้จะตั้งกล่องรับเงินบริจาคจากประชาชน เราเพิ่งที่จะมาตั้งกล่องรับเงินบริจาค และทำเสื้อ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” จำหน่ายราคาตัวละ 250 บาท ก็เมื่อการจัดกิจกรรมล่วงเลยมาประมาณ 30 วัน เนื่องจากคณะกรรมการทุกคนประชุมร่วมกันได้ข้อสรุปว่า น่าจะมีการระดมทุนสำหรับการเคลื่อนไหวบ้างไม่เช่นนั้น คนที่จะเหนื่อย ก็คือ สมาชิกกลุ่มทุกคน
ประกอบกับช่วงก่อนหน้านี้ หลังการตั้งจอโปรเจกเตอร์ได้ประมาณ 15 วัน ประชาชนชาวภูเก็ต ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม เห็นว่า การจัดงานต้องมีค่าใช้จ่าย จึงนำเงินมอบให้ เพราะเห็นความตั้งใจจริงในการทำงาน ทุกคนสะเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัว เสียสละเวลาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เมื่อถึงเวลาประมาณ 17.30 น.ของทุกวันจะต้องขนของไปที่บริเวณปลายแหลมสะพานหินแล้ว จะเลิกก็เวลาประมาณ 24.00 น.
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการกลุ่มได้รับเงินคนละ 10 ล้านบาทจริง ปัจจุบันนี้ก็คงจะไม่ที่ยืนบนเกาะภูเก็ตแล้ว พวกเรามีศักดิ์ศรีพอที่จะแยกแยะได้ว่า อะไรผิด อะไรถูก ความชอบธรรมอยู่ตรงไหนในใจ และตัวตน ที่สำคัญสมาชิกกลุ่มทุกคนมีงานทำ มีธุรกิจเป็นของตนเอง ซึ่งบอกได้เลยว่า ไม่จำเป็นต้องรับเศษเงินจากนักการเมืองมา จนทำให้ซึ่งความเป็นคนสูญสิ้นไป