กระบี่ - ธุรกิจสปากระบี่ยังทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ ประธานชมรมชี้แนวโน้มยังสดใส แต่ต้องยกระดับพนักงานนวดให้มีความชำนาญมากยิ่งขึ้น
นางอารีย์ นรากุลมงคล ประธานชมรมสปากระบี่ และผู้ประกอบการกันตวรรณ สปา กล่าวว่า ธุรกิจสปาของจังหวัดกระบี่ ถือว่าอยู่ในช่วงที่เฟื้องฟูและกำลังเติบโตค่อนข้างมาก ได้รับผลพวงมาจากการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งสปาเป็นสิ่งควบคู่กับการท่องเที่ยวไปในทิศทางเดียวกัน การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่กำลังขยายตัว ทำให้สปาภายในสถานที่พักทั้งโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ที่มีคุณภาพมีมาตรฐานขยายตัวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นจำนวนมาก
นางอารีย์ ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสปาถือเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม และที่พัก ที่มีไว้เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยว เมื่อก่อนนี้ที่พักไม่ได้เอาสปาเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มีพื้นที่ไว้รองรับ สปาเลยขาดหายไปในส่วนของกิจกรรมของทางโรงแรม และรีสอร์ตต่างๆ
ในปัจจุบันโรงแรมที่สร้างใหม่ๆ สปาเป็นกิจกรรมที่โรงแรมขาดไม่ได้ สปามีส่วนสำคัญต่อโรงแรมและรีสอร์ททำให้ดูมีมาตรฐานมากขึ้น และเป็นตัวเสริม นอกเหนือจากสระว่ายน้ำ ฟิสเนส ร้านอาหาร แล้วต้องมีสปา คือเหตุผลหลักๆทั่วไป ปัจจุบันสปามีความเติบโตมากขึ้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยว ผู้บริโภคเองเข้าใจสปามากว่าแต่ก่อน
ประธานชมรมสปากระบี่ กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมากระบี่ ส่วนใหญ่มีเป้าหมาย คือมากระบี่ต้องมาทำกิจกรรม เพราะจังหวัดกระบี่มีกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเยอะมาก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเอื้อต่อการท่องเที่ยว เช่น ปีนผา พายเรือแคนนู ดำน้ำ ทุกกิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อระบบกล้าเนื้ออย่างหนัก ซึ่งการทำสปาจะช่วยในการเกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ
ที่สำคัญมากกว่านั้น ยังมีเมนูบางตัวที่จะช่วยปรับในเรื่องของความดัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปดำน้ำ การนอนอาบแดดเฉยๆ ก็จะมีผลกระทบต่อการไหม้ของผิวหนัง สปาก็จะมีเมนูที่จะช่วยทำให้ผิวหนังไม่ลอก
นางอารีย์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุกิจสปาก็เหมือนกับการทำธุรกิจด้านอื่น ในช่วงโลซีซัน นั้น จะมีโปรโมชันเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงหน้าโลซีซั่นก็จะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะมีลูกค้าที่เป็นคนไทยเข้ามาใช้บริการ และในส่วนของภาวะราคาน้ำมันแพงนั้นมีผลกระทบกับสปาขนาดเล็ก คือ ร้านนวดเพื่อสุขภาพ เพราะว่าร้านพวกนี้ส่วนใหญ่ จะมีเมนูให้ลูกค้าเลือกน้อย ก็จะได้ลูกค้าเป็นคนพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าภาวะน้ำมันแพงเป็นตัวบันทอนที่ค่อนข้างรุนแรงมาก
จังหวัดกระบี่ มีผู้ประกอบการที่ผ่านมาตรฐานนั้นมีอยู่เพียง 13 ราย ในจำนวนนับ 100 ราย ปัจจุบัน เนื่องจากขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ คือ คนที่นวดเป็นมีมากมาย แต่สปาไม่ใช่ว่านวดเป็นอย่างเดียว ต้องมีความชำนาญด้วย เช่น การนวดระบายน้ำเหลือง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เรียนรู้ค่อนข้างยาก การนวดอย่างไรเพื่อปรับเวลาของ แขกให้ทันต่อการเดินทางได้ รู้ในส่วนของการใช้น้ำมันหอมระเหย รวมทั้งการเลือกกลิ่นน้ำมันหอบระเหยให้กับลูกค้า ต้องดูความต้องการของลูกค้าด้วย ซึ่งเป็นศาสตร์ที่จะต้องเรียนรู้ มันเป็นศาสตร์ละเอียดอ่อน
สปาเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้ผู้ประกอบการเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันแต่ละสถานประกอบการมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 500,000-800,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับกิจการสปาขนาดใหญ่ แต่กิจการขนาดเล็กมีรายได้เดือนละ ประมาณ 300,000 บาท แต่ผู้ประกอบการมีเวลาทำเงินเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง ในช่วงไฮซีซัน แต่ในช่วงโลซีซันนั้นรายได้ลดลงบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก ซึ่งผู้ประกอบการยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งในแต่ละปี ตนเชื่อว่าเงินหมุนเวียนอยู่ภาคธุรกิจสปาเฉพาะของจังหวัดกระบี่นับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากว่าพนักงานตามสถานประกอบการต่างๆ มีความชำนาญมากขึ้นตนเชื่อว่าอนาคตของสปาก็จะยังคงสดใส
นางอารีย์ นรากุลมงคล ประธานชมรมสปากระบี่ และผู้ประกอบการกันตวรรณ สปา กล่าวว่า ธุรกิจสปาของจังหวัดกระบี่ ถือว่าอยู่ในช่วงที่เฟื้องฟูและกำลังเติบโตค่อนข้างมาก ได้รับผลพวงมาจากการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งสปาเป็นสิ่งควบคู่กับการท่องเที่ยวไปในทิศทางเดียวกัน การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่กำลังขยายตัว ทำให้สปาภายในสถานที่พักทั้งโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ที่มีคุณภาพมีมาตรฐานขยายตัวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นจำนวนมาก
นางอารีย์ ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสปาถือเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม และที่พัก ที่มีไว้เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยว เมื่อก่อนนี้ที่พักไม่ได้เอาสปาเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มีพื้นที่ไว้รองรับ สปาเลยขาดหายไปในส่วนของกิจกรรมของทางโรงแรม และรีสอร์ตต่างๆ
ในปัจจุบันโรงแรมที่สร้างใหม่ๆ สปาเป็นกิจกรรมที่โรงแรมขาดไม่ได้ สปามีส่วนสำคัญต่อโรงแรมและรีสอร์ททำให้ดูมีมาตรฐานมากขึ้น และเป็นตัวเสริม นอกเหนือจากสระว่ายน้ำ ฟิสเนส ร้านอาหาร แล้วต้องมีสปา คือเหตุผลหลักๆทั่วไป ปัจจุบันสปามีความเติบโตมากขึ้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือนักท่องเที่ยว ผู้บริโภคเองเข้าใจสปามากว่าแต่ก่อน
ประธานชมรมสปากระบี่ กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมากระบี่ ส่วนใหญ่มีเป้าหมาย คือมากระบี่ต้องมาทำกิจกรรม เพราะจังหวัดกระบี่มีกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเยอะมาก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเอื้อต่อการท่องเที่ยว เช่น ปีนผา พายเรือแคนนู ดำน้ำ ทุกกิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อระบบกล้าเนื้ออย่างหนัก ซึ่งการทำสปาจะช่วยในการเกิดการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ
ที่สำคัญมากกว่านั้น ยังมีเมนูบางตัวที่จะช่วยปรับในเรื่องของความดัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปดำน้ำ การนอนอาบแดดเฉยๆ ก็จะมีผลกระทบต่อการไหม้ของผิวหนัง สปาก็จะมีเมนูที่จะช่วยทำให้ผิวหนังไม่ลอก
นางอารีย์ กล่าวต่อไปอีกว่า การทำธุกิจสปาก็เหมือนกับการทำธุรกิจด้านอื่น ในช่วงโลซีซัน นั้น จะมีโปรโมชันเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงหน้าโลซีซั่นก็จะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะมีลูกค้าที่เป็นคนไทยเข้ามาใช้บริการ และในส่วนของภาวะราคาน้ำมันแพงนั้นมีผลกระทบกับสปาขนาดเล็ก คือ ร้านนวดเพื่อสุขภาพ เพราะว่าร้านพวกนี้ส่วนใหญ่ จะมีเมนูให้ลูกค้าเลือกน้อย ก็จะได้ลูกค้าเป็นคนพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าภาวะน้ำมันแพงเป็นตัวบันทอนที่ค่อนข้างรุนแรงมาก
จังหวัดกระบี่ มีผู้ประกอบการที่ผ่านมาตรฐานนั้นมีอยู่เพียง 13 ราย ในจำนวนนับ 100 ราย ปัจจุบัน เนื่องจากขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ คือ คนที่นวดเป็นมีมากมาย แต่สปาไม่ใช่ว่านวดเป็นอย่างเดียว ต้องมีความชำนาญด้วย เช่น การนวดระบายน้ำเหลือง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เรียนรู้ค่อนข้างยาก การนวดอย่างไรเพื่อปรับเวลาของ แขกให้ทันต่อการเดินทางได้ รู้ในส่วนของการใช้น้ำมันหอมระเหย รวมทั้งการเลือกกลิ่นน้ำมันหอบระเหยให้กับลูกค้า ต้องดูความต้องการของลูกค้าด้วย ซึ่งเป็นศาสตร์ที่จะต้องเรียนรู้ มันเป็นศาสตร์ละเอียดอ่อน
สปาเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้ผู้ประกอบการเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซันแต่ละสถานประกอบการมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 500,000-800,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับกิจการสปาขนาดใหญ่ แต่กิจการขนาดเล็กมีรายได้เดือนละ ประมาณ 300,000 บาท แต่ผู้ประกอบการมีเวลาทำเงินเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง ในช่วงไฮซีซัน แต่ในช่วงโลซีซันนั้นรายได้ลดลงบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก ซึ่งผู้ประกอบการยังสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งในแต่ละปี ตนเชื่อว่าเงินหมุนเวียนอยู่ภาคธุรกิจสปาเฉพาะของจังหวัดกระบี่นับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากว่าพนักงานตามสถานประกอบการต่างๆ มีความชำนาญมากขึ้นตนเชื่อว่าอนาคตของสปาก็จะยังคงสดใส