พัทลุง – ชาวประมงพื้นบ้านผู้ชายในจังหวัดพัทลุงประสบปัญหาวิกฤตน้ำมัน หันออกไปทำงานรับจ้างในต่างจังหวัดแทนการหาปลา เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า หลังจากที่สภาวะวิกฤตน้ำมันที่ปรับราคาแพงขึ้นวันต่อวัน ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้านที่อาศัยอยู่รอบทะเลสาบสงขลาในพื้นที่ อำเภอควนขนุน อำเภอเมือง อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้ว และอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ได้หยุดออกเรือหางยาวหาปลาชั่วคราวเนื่องจากแบกรับกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ไหว ประกอบกับสัตว์น้ำในทะเลน้อยลงจึงไม่คุ้มในการออกไปวางกัด ดักไซ จำเป็นต้องทิ้งเรือ บ้านเรือน และลูกเมีย ออกไปประกอบอาชีพรับจ้างแรงงานก่อสร้างในจังหวัดใกล้เคียงกันเป็นจำนวนมาก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวในยุคข้าวยากหมากแพง
ขณะที่หมู่บ้านชาวประมง บ้านปากหวะ ท้องที่ หมู่ 10 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง กว่า 120 ครัว เรือน ผู้ชายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ได้ออกจากบ้านไปขายแรงงานในจังหวัดใหญ่เพื่อหาเงินส่งให้ลูกและเมียไว้ใช้จ่าย ที่เหลือผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือน
นางสำเนียง ปรางพันธ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.10 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า หลังจากที่ราคา น้ำมันได้ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านบ้านปากหวะที่ใช้เรือหางยาวออกไปหาปลาในทะเลสาบ ต้องหยุดกิจการไปโดยปริยาย เนื่องจากออกหาปลาแต่ละครั้งไม่คุ้มกับค่าน้ำมันและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้หัวหน้าครอบครัวต้องออกไปขายแรงงานภาคก่อสร้างในเมืองใหญ่ อย่างอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ตรัง และ จ.ภูเก็ต เพื่อหาเงินส่งกลับบ้านเป็นค่าใช้จ่าย ในแต่ละเดือน โดยได้ค่าแรงวันละ 180-200 บาท
ส่วนผู้หญิงที่อยู่บ้านก็ต้อง ออกหาปลา หากุ้ง แถวริมฝั่งแทน ซึ่งในแต่ละวัน มีรายไม่ถึงร้อยบาท เพื่อนำมาขายแลกเงิน เป็นค่ากับข้าวในแต่ละวัน และการออกไปหาปลาหรือกุ้งนั้น ก็จะร่วมกันแชร์ค่าน้ำมันใส่เครื่องเรือหางยาว 2-3 คน ต่อลำ
นางสำเนียง ยังกล่าวอีกว่า ยุคข้าวยากหมากแพง ทุกวันนี้ส่งผลให้หลายครอบครัวในหมู่บ้าน ต้องอยู่กันอย่างสันโดษไม่มีหัวหน้าครอบครัว มีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนชราเท่านั้น