สงขลา – กลุ่มเรือประมงอวนลากเล็กสงขลาโอดได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำมันราคาแพงอย่างหนัก อัดรัฐไม่จริงใจแก้ปัญหา แถมมาตรการรัฐช่วยเหลือด้วยให้เติมน้ำมันม่วงก็ไร้ผล ขู่หรือต้องให้ปิดอ่าวเผาเรือจึงจะหันมาเหลียวแล
นายไสว เจยาคม ประธานกลุ่มเรือประมงอวนลากเล็กสะพานไม้ ท่าเทียบเรือประมงสงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์กลุ่มเรือประมงอวนลากเล็กสงขลากำลังย่ำแย่อย่างหนัก เนื่องจากปัญหาราคาค่าน้ำมัน มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเรือประมงอย่างหนัก และขณะนี้แทบไม่มีชาวประมงออกไปหาปลากันแล้ว เพราะไม่สามารถสู้กับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาชาวเรือต้องขายเรือและหยุดออกหาปลา
ที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ พยายามออกมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะการช่วยเหลือไม่มีความจริงใจ ซึ่งล่าสุดออกมาใช้ความช่วยเหลือในเรื่องน้ำมันม่วง หรือโครงการจำหน่ายน้ำมันในทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง โดยจำหน่ายราคาถูกกว่าบนฝั่งลิตรละ 2 บาท หรือตกลิตรละ 37.40 บาท โดยหากชาวประมงต้องการทางองค์การสะพานปลาจะสั่งมาให้
“ในขณะที่น้ำมันเถื่อนจากมาเลเซียลิตรละ 32 บาท และจะมีพ่อค้ามาส่งให้ถึงท่าเรือประมง ชาวประมงเองก็ยังไม่กล้าเติม เพราะเมื่อบวก-ลบกันแล้วยังขาดทุน สู้จอดเรือไว้ดีกว่า แล้วหันไปประกอบอาชีพอื่น รอดูว่ารัฐจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจังเมื่อใด หรือจะต้องให้มีการประท้วงปิดอ่าวแล้วเผาเรือประท้วงกดดันจึงจะออกมาช่วยเหลือ” นายไสวกล่าวและว่า
ปัญหาชาวประมงนั้นไม่เคยได้รับการเหลียวแลอย่างจริงใจ แต่เมื่อมองความช่วยเหลือจากรัฐบาลทางด้านการเกษตรอื่นๆ รัฐบาลสามารถช่วยได้เต็มที่ เช่น มีการรับจำนำข้าวในราคาที่สูง หรือรับจำนำลำไย ยางพารา เงาะ ทุเรียน และล่าสุดเมื่อมีการชุมนุมประท้วงใหญ่ของผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ปิดสะพานติณสูลานนท์ รัฐบาลก็ยอมรับประกันราคากุ้งได้ในราคาที่เรียกร้อง
“แต่ด้านเรือประมงนั้นไม่เคยให้ความช่วยเหลือในเรื่องราคาน้ำมันตามสภาพที่ช่วยเหลือได้ รวมทั้งราคาสินค้าสัตว์น้ำด้วย ขณะนี้อาชีพประมงลดลงน่าเป็นห่วง เพราะเดิมมีผู้ทำประมงเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อประสบปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำ ชาวประมงส่วนใหญ่จึงเลิกทำประมงกันเป็นจำนวนมาก และในอนาคตอาชีพทำเรือประมงคงสูญพันธุ์ เพราะทนต่อสภาพดังกล่าวไม่ได้อย่างแน่นอน”
นายไสวกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลไม่หาแนวทางในการช่วยเหลือที่ดีหรือชัดเจนกว่านี้ หรือควรปล่อยให้ราคาสินค้าสัตว์น้ำเป็นไปตามสถานการณ์ความเป็นจริง ขณะนี้ชาวประมงหันไปประกอบอาชีพอื่นเลี้ยงครอบครัว เพราะหากไปทนกับอาชีพเรือประมงอย่างเดียวคงย่ำแย่อย่างแน่นอน
นายไสว เจยาคม ประธานกลุ่มเรือประมงอวนลากเล็กสะพานไม้ ท่าเทียบเรือประมงสงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์กลุ่มเรือประมงอวนลากเล็กสงขลากำลังย่ำแย่อย่างหนัก เนื่องจากปัญหาราคาค่าน้ำมัน มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเรือประมงอย่างหนัก และขณะนี้แทบไม่มีชาวประมงออกไปหาปลากันแล้ว เพราะไม่สามารถสู้กับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาชาวเรือต้องขายเรือและหยุดออกหาปลา
ที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ พยายามออกมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะการช่วยเหลือไม่มีความจริงใจ ซึ่งล่าสุดออกมาใช้ความช่วยเหลือในเรื่องน้ำมันม่วง หรือโครงการจำหน่ายน้ำมันในทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง โดยจำหน่ายราคาถูกกว่าบนฝั่งลิตรละ 2 บาท หรือตกลิตรละ 37.40 บาท โดยหากชาวประมงต้องการทางองค์การสะพานปลาจะสั่งมาให้
“ในขณะที่น้ำมันเถื่อนจากมาเลเซียลิตรละ 32 บาท และจะมีพ่อค้ามาส่งให้ถึงท่าเรือประมง ชาวประมงเองก็ยังไม่กล้าเติม เพราะเมื่อบวก-ลบกันแล้วยังขาดทุน สู้จอดเรือไว้ดีกว่า แล้วหันไปประกอบอาชีพอื่น รอดูว่ารัฐจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจังเมื่อใด หรือจะต้องให้มีการประท้วงปิดอ่าวแล้วเผาเรือประท้วงกดดันจึงจะออกมาช่วยเหลือ” นายไสวกล่าวและว่า
ปัญหาชาวประมงนั้นไม่เคยได้รับการเหลียวแลอย่างจริงใจ แต่เมื่อมองความช่วยเหลือจากรัฐบาลทางด้านการเกษตรอื่นๆ รัฐบาลสามารถช่วยได้เต็มที่ เช่น มีการรับจำนำข้าวในราคาที่สูง หรือรับจำนำลำไย ยางพารา เงาะ ทุเรียน และล่าสุดเมื่อมีการชุมนุมประท้วงใหญ่ของผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ปิดสะพานติณสูลานนท์ รัฐบาลก็ยอมรับประกันราคากุ้งได้ในราคาที่เรียกร้อง
“แต่ด้านเรือประมงนั้นไม่เคยให้ความช่วยเหลือในเรื่องราคาน้ำมันตามสภาพที่ช่วยเหลือได้ รวมทั้งราคาสินค้าสัตว์น้ำด้วย ขณะนี้อาชีพประมงลดลงน่าเป็นห่วง เพราะเดิมมีผู้ทำประมงเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อประสบปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำ ชาวประมงส่วนใหญ่จึงเลิกทำประมงกันเป็นจำนวนมาก และในอนาคตอาชีพทำเรือประมงคงสูญพันธุ์ เพราะทนต่อสภาพดังกล่าวไม่ได้อย่างแน่นอน”
นายไสวกล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลไม่หาแนวทางในการช่วยเหลือที่ดีหรือชัดเจนกว่านี้ หรือควรปล่อยให้ราคาสินค้าสัตว์น้ำเป็นไปตามสถานการณ์ความเป็นจริง ขณะนี้ชาวประมงหันไปประกอบอาชีพอื่นเลี้ยงครอบครัว เพราะหากไปทนกับอาชีพเรือประมงอย่างเดียวคงย่ำแย่อย่างแน่นอน