ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ อ่านคำประกาศประณาม “ระบอบทักษิณ” และรัฐบาลหุ่นเชิด ย่ำยีประเทศชาติ เปิดโอกาสทุนสามานย์ยึดครองทรัพยากรของประเทศ ผูกขาดอำนาจเศรษฐกิจ การเมือง แทรกแซงองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ลั่นร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่หมู่บ้านเคหะครูไทย ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคใต้ ได้แถลงข่าวหลังมีมติร่วมกันให้สนับสนุนการชุมนุมโค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โดย นายบรรจง นะแส เลขาธิการ กป.อพช.ภาคใต้ เป็นผู้อ่านคำประกาศ ระบุว่า ประเทศไทยในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การยึดกุมอำนาจของพรรคไทยรักไทยและได้แปลงร่างมาเป็นพรรคพลังประชาชน สืบต่ออำนาจและระบบทุนนิยมสามานย์มาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม ในทิศทางที่ทำให้สังคมไทยเสื่อมทรามลงในทุกด้าน
ระบบเศรษฐกิจได้ผูกขาดรุมทึ้งตักตวงผลประโยชน์ของชาติไว้ในอุ้งมือของพวกพ้อง โดยวิธีฉ้อฉลทุกรูปแบบ สังคมเสื่อมทรามไร้คุณธรรมและจริยธรรม คุณค่าทางศาสนาและวัฒนธรรมถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ โดยรัฐบาลได้ชี้นำผลักดันให้สังคมไทยผูกโยงรัดตรึงให้มองเห็นแต่คุณค่าของเงินทองเป็นใหญ่เท่านั้น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันเป็นฐานปัจจัยการผลิตของผู้คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าป่าไม้ ที่ดิน แม่น้ำ ลำคลอง ตลอดจนทรัพยากรชายฝั่งและในทะเลได้ถูกปล่อยปละละเลยให้ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ไม่มีมาตรการปกป้องดูแลเกษตรกรและผู้อ่อนแอของสังคมในทุกอาชีพ
ปล่อยให้พี่น้องซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องเผชิญกับความอดอยากยากจน ดำเนินชีวิตตามยถากรรม ช่องว่างทางสังคมจึงถ่างออกไปเรื่อยๆ ช่องว่างระหว่างคนยากจนกับคนที่ร่ำรวยและได้เปรียบในสังคมปล่อยให้เป็นไปอย่างไร้ขีดจำกัด ระบบการศึกษาที่แท้จริงถูกละเลย แต่ได้นำเอาระบบการศึกษาไปผูกติดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจเพียงมิติเดียว-ทำให้ระบบการศึกษาเป็นธุรกิจการศึกษามากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าไม่ถึงได้รับผลกระทบกว้างขวาง นักเรียนบางคนต้องฆ่าตัวตาย
การจัดโครงสร้างการเมืองการปกครองของระบบทักษิณในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ได้มุ่งสู่การรวมศูนย์ทางอำนาจและรวมศูนย์ระบบเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้ในหมู่บริวารของตัวเองเท่านั้น ซ้ำมุ่งทำลายขบวนการตรวจสอบขบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน กระบวนการยุติธรรมทุกระดับ พัฒนาประเทศด้วยโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่คำนึงผลกระทบและความเดือนร้อนของผู้คนชุมชน
ปรากฏการณ์ทางรูปธรรมที่เป็นตัวยืนยันถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณในรอบ 6 ปีในพื้นที่ภาคใต้มีมากมาย เช่น
1.สร้างความแตกแยกความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ชีวิตของผู้คนต้องสูญเสียจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดโกรธแค้นเกลียดชังของประชาชนที่มีความแตกต่างทางศาสนา นับตั้งแต่เข้ามามีอำนาจจนถึงปัจจุบัน
2.แทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน ละเมิดรัฐธรรมนูญแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้กำลังตำรวจเข้าสลายการชุมชนอย่างสงบของชาวบ้านในกรณีท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแล้วว่าชาวบ้านไม่มีความผิด และศาลปกครองก็ได้พิพากษาใช้ตำรวจชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวบ้าน แนวความคิดที่ไม่เคารพสิทธิของชุมชนและการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลทักษิณได้รับการส่งต่อราวกับมรดกมายังนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในกรณีจะใช้อำนาจสลายการชุมชนของพันธมิตรฯ
3.สมคบกับต่างชาติเสวงหาผลประโยชน์เข้าพรรคพวกกรณีโครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียผลประโยชน์โดยรวม แต่คนในระบอบทักษิณได้ประโยชน์ไปเฉพาะตัวเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ยังได้ใช้อำนาจละเมิดที่ดินวะกัฟ อันเป็นที่ดินสาธารณะที่ชาวบ้านได้มอบให้กับพระเจ้าตามหลักศาสนาอิสลาม ไปให้กับบริษัท ปตท.จำกัด นับเป็นการสร้างรอยแผลในสังคมที่ละเอียดอ่อนและลึกมาก
4.ปล่อยให้ทุนต่างชาติเข้ายึดกุมผลประโยชน์ของชาติเช่นกรณีบริษัท เชฟรอน ที่เข้ามาผูกขาดการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ แหล่งน้ำมันในอ่าวไทยระยะยาวและแบ่งผลประโยชน์ให้ประเทศชาติเพียงน้อยนิดทำให้ประเทศเสียเปรียบต่างชาติ มีการต่อสัญญาต่อสัมปทานระยะยาวและไม่เปิดเผยผลประโยชน์ที่ชาติจะได้รับต่อสาธารณะ
5.วางแผนให้กลุ่มทุนไร้สัญชาติเข้ามาเสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลในอ่าวไทย กรณีของบริษัท นิวคาสตอล ที่ได้รับสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน โดยไม่เปิดเผยผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับต่อสาธารณะ ซ้ำร้ายบริษัทดังกล่าวก็ตั้งอยู่บนเกาะเคแมน ซึ่งรับรู้กันทั่วไปว่าเป็นเกาะที่เป็นแหล่งฟอกเงินของเหล่าทุนสามานย์ทั่วโลก
6.ผลักดันโครงการขนาดใหญ่กรณีโครงการแลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล โดยร่วมมือกับทุนข้ามชาติ มีท่าเรือน้ำลึกทั้งสองฝั่ง ที่จะกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพของผู้คนจำนวนมาก แต่ไม่แยแสต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว รวมไปถึงท่าเรือมารีน่าในฝั่งอันดามันด้วย
7.ไม่ใช้กระบวนการยุติธรรมในการคลี่คลายและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีมัสยิดกรือเซะ และตากใบ ก่อให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังขึ้นระหว่างประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่งผลให้ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ยังมองไม่เห็นทางยุติ
8.ซ้ำเติมปัญหาของเกษตรกรผู้ใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการประกอบอาชีพในพื้นที่ป่าชายฝั่งพื้นที่ประสบภัยสึนามิโดยใช้มาตรการแข็งกร้าว ตรวจจับยื่นฟ้องด้วยข้อหาที่รุนแรงต่อผู้คนที่ด้อยโอกาส
ในรอบ 6 ปีของระบอบทักษิณ ปัญหาของพี่น้องคนส่วนใหญ่ของภาคใต้นอกจากจะไม่ได้รับการดูแล หรือมีเป้าหมายของการพัฒนาที่จะลดความอดอยากยากแค้น ไร้ความยุติธรรมแล้ว ระบอบทักษิณยังซ้ำเติมให้ปัญหาต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพชใต้) ในฐานะองค์กรพัฒนาที่ทำงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่ได้รับความไม่เป็นธรรมในทุกสาขาอาชีพในภาคใต้ ได้ประชุมร่วมกันและวิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากขืนปล่อยให้พรรคพลังประชาชนอันเป็นพรรคการเมืองที่แปลงร่างมาจากพรรคไทยรักไทยในอดีตและใช้ระบอบทักษิณหรือทุนนิยมสามานย์ปกครองประเทศต่อไปแล้ว ความเลวร้ายความอดอยากยากจนของคนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการดูแลปกป้องแล้ว เป็นไปได้สูงที่จะทำให้ประเทศชาติของเราล่มจม ผู้คนจะถูกกระทำย่ำยี สังคมจะเสื่อมโทรมในทุกมิติ ความเป็นชาติไทย สังคมไทยจะสูญสิ้น
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้จึงขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทุกรูปแบบ ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ