สุราษฎร์ธานี - ปธ.สภาอุตฯ ชี้ เศรษฐกิจสุราษฎร์ธานีภาพรวมสภาพดีอยู่ในระดับแถวหน้า 14 จังหวัดภาคใต้ ธุรกิจหลัก ได้แก่ ท่องเที่ยว-เกษตร-อุตฯ ส่วนทางด้านพลังงานทดแทนมีนักลงทุนสนใจจ่อคิวลงทุนเป็นจำนวนมาก
นายเพชร ศรีหล่มสัก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจในจังหวัดสุราษฎร์ธานีในปี 2551 ว่า โดยรวมยังมีการเติบโตที่ดีกว่าหลายๆ จังหวัด และยังเป็นจังหวัดที่มีอัตราการขยายตัวของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต้นๆ ของพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักน่าจะมาจากศักยภาพภายในของจังหวัดที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรที่เอื้อต่อการประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ที่มีทั้งอาหารทะเลแปรรูป ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ซึ่งที่ผ่านมาทำรายได้ปีละนับหมื่นล้านบาท และที่สำคัญที่เริ่มดำเนินการไปได้ดี คือ ธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน
ในขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนหลายกลุ่มลงทุนธุรกิจประเภทนี้อยู่ โดยปัจจุบันปัญหาพลังงาน ซึ่งมีพื้นฐานจากเชื้อเพลิง Fossil นั้นมีราคาสูงขึ้นมาก จึงทำให้ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโครงการ Bio Diesel รอลงทุนอีกหลายโครงการ สังเกตได้จากการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจากศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคใต้ 2 สุราษฎร์ธานี หรือ บีโอไอ จำนวนหลายสิบโครงการ จึงกล่าวได้ว่าธุรกิจพลังงานจะเป็นธุรกิจหลักอีกหนึ่งธุรกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในส่วนภาคการเกษตรนั้น พืชเศรษฐกิจหลัก ยังคงเป็น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และด้วยปัจจัยจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่พืชทั้งสองชนิดนี้เป็นพืชที่มีความเกี่ยวพันกับราคาน้ำมัน จึงทำให้ราคาขยับเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับในด้านอุตสาหกรรม คาดว่า จะเป็นการขยายตัวในด้านอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมเดิม ทั้งเพื่อการใช้เศษวัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย Bio mass และ Bio gas เพื่อเป็นพลังงานทดแทน เป้าประสงค์หลัก คือ ความพยายามเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน หรือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ในส่วนภาคธุรกิจท่องเที่ยวนั้น ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่มากก็ตาม แต่ในระยะหลังนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพมากขึ้น คือ ระยะเวลาการพักยาวนานขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ที่แน่นอนในระดับหนึ่ง แต่ภาคธุรกิจที่มีปัญหามากในเวลานี้คือภาคการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแข็งค่าของเงินบาท
นายเพชร ศรีหล่มสัก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจในจังหวัดสุราษฎร์ธานีในปี 2551 ว่า โดยรวมยังมีการเติบโตที่ดีกว่าหลายๆ จังหวัด และยังเป็นจังหวัดที่มีอัตราการขยายตัวของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต้นๆ ของพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักน่าจะมาจากศักยภาพภายในของจังหวัดที่มีความหลากหลายด้านทรัพยากรที่เอื้อต่อการประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ที่มีทั้งอาหารทะเลแปรรูป ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ซึ่งที่ผ่านมาทำรายได้ปีละนับหมื่นล้านบาท และที่สำคัญที่เริ่มดำเนินการไปได้ดี คือ ธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน
ในขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนหลายกลุ่มลงทุนธุรกิจประเภทนี้อยู่ โดยปัจจุบันปัญหาพลังงาน ซึ่งมีพื้นฐานจากเชื้อเพลิง Fossil นั้นมีราคาสูงขึ้นมาก จึงทำให้ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโครงการ Bio Diesel รอลงทุนอีกหลายโครงการ สังเกตได้จากการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนจากศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคใต้ 2 สุราษฎร์ธานี หรือ บีโอไอ จำนวนหลายสิบโครงการ จึงกล่าวได้ว่าธุรกิจพลังงานจะเป็นธุรกิจหลักอีกหนึ่งธุรกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในส่วนภาคการเกษตรนั้น พืชเศรษฐกิจหลัก ยังคงเป็น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และด้วยปัจจัยจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ในขณะที่พืชทั้งสองชนิดนี้เป็นพืชที่มีความเกี่ยวพันกับราคาน้ำมัน จึงทำให้ราคาขยับเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับในด้านอุตสาหกรรม คาดว่า จะเป็นการขยายตัวในด้านอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมเดิม ทั้งเพื่อการใช้เศษวัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย Bio mass และ Bio gas เพื่อเป็นพลังงานทดแทน เป้าประสงค์หลัก คือ ความพยายามเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน หรือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ในส่วนภาคธุรกิจท่องเที่ยวนั้น ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่มากก็ตาม แต่ในระยะหลังนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพมากขึ้น คือ ระยะเวลาการพักยาวนานขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ที่แน่นอนในระดับหนึ่ง แต่ภาคธุรกิจที่มีปัญหามากในเวลานี้คือภาคการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแข็งค่าของเงินบาท