นครศรีธรรมราช – เจ้าอาวาสจัดอุปสมบทหลานนายกเล็ก ดาบตำรวจบุกคัดค้านฐานต้องคดีถึงโบสถ์ แฉเจ้านาคต้องคดีฆ่าคนตายผิดกฎศาสนาบวชไม่ได้ สุดแค้นทุบหัวตำรวจทั้งเสื้อนาค พระอุปัชฌาย์ไม่ยอมบวชให้ เจ้าอาวาสมาแปลกวิ่งนิมนต์อุปัชฌาย์รูปใหม่บวชให้จนสำเร็จ
เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (1 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครคริสเตียน อ.เมืองนครศรีธรรมราชได้นำ ด.ต.วิภาคย์ โตถาวร อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ไปทำการตรวจเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลมหาราช หลังจากที่ ด.ต.วิภาคย์ ถูกทำร้ายโดยถูกทุบตีด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะจนแตก สมองได้รับความกระทบกระเทือนและถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครคริสเตียน เมื่อเย็นวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากโรงพยาบาลมหาราชทำการเอกซเรย์สมองของ ด.ต.วิภาคย์ เรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลนครคริสเตียน ได้นำ ด.ต.วิภาคย์ กลับมานอนพักฟื้นรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลคริสเตียน โดยมีญาติๆ ของ ด.ต.วิภาคย์ จำนวนมากมาเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง และมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ ด.ต.วิภาคย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างกว้างขวาง โดยทราบว่า ด.ต.วิภาคย์ ถูกเจ้านาคใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตรตีศีรษะจนสลบแน่นิ่งคาโบสถ์วัดเขาขุนพนม หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เมื่อตอนสายของวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
ญาติคนหนึ่งของ ด.ต.วิภาคย์ เปิดเผยว่า เมื่อตอนสายของวันที่ 31 พ.ค.51 ที่ผ่านมานั้น ภายในโบสถ์วัดเขาขุนพนม ท้องที่หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กำลังประกอบพิธีอุปสมบทให้แก่ นายอิสระพงศ์ อนุฤทธิ์ อายุ 21 ปี หลานชายของนายนิภา ฝั่งชลจิตต์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพรหมโลก อ.พรหมคีรี โดยมีญาติมิตรจำนวนมากเข้าร่วมพีอยู่ในโบสถ์ ในช่วงดังกล่าว ด.ต.วิภาคย์ โตถาวร ผู้บาดเจ็บได้เข้าไปร้องคัดค้านการอุปสมบทของนายอิสระพงศ์
โดยแจ้งต่อพระอุปัชฌาย์ว่า นายอิสระพงศ์เป็นบุคคลต้องห้ามไม่สามารถบวชในบวรพุทธศาสนาได้ เนื่องจากนายอิสระพงศ์เป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จนถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 15 ปี และอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์
“เมื่อทราบดังนั้น พระอุปัชฌาย์จึงได้ชี้แจงกับนาคอิสระพงศ์ และญาติๆ ว่าผู้ที่ต้องห้ามไม่สามารถอุปสมบทได้ตามพุทธบัญญัติ และกฎระเบียบศาสนาพุทธมีอยู่ 7 ประการคือ 1.เป็นคนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 2.เป็นคนหลบหนีราชการ 3.เป็นคนต้องหาในคดีอาญา 4.เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 5.เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา 6.เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่น วัณโรค ในระยะอันตราย 7.เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ สิ่งต่างๆ ข้างต้นจะมีเขียนถามไว้ในใบสมัครขอบวชซึ่งต้องไปเขียนที่วัดนั้นๆ ที่จะบวช”
ในกรณีของนายอิสระพงศ์เข้าข่ายต้องห้ามอย่างชัดเจน แต่ในใบสมัครบวชกลับระบุข้อมูลที่เป็นเท็จ ในฐานะพระอุปัชฌาย์จึงไม่ขอทำพิธีอุปสมบทให้แก่นายอิสระพงศ์ หลังชี้แจงเสร็จพระอุปัชฌาย์ได้เดินทางกลับไป ท่ามกลางคงวามไม่พอใจและโกรธแค้นของนายอิสระพงศ์ และญาติๆ นายอิสระพงศ์ซึ่งอยู่ในชุดเจ้านาคได้เดินออกมาจากโบสถ์ตามหา ด.ต.วิภาคย์ จนพบ ด.ต.วิภาคย์ ยืนอยู่หน้าโบสถ์
นาคอิสระพงศ์จึงหยิบขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตร ตรงเข้าไปตีที่ศีรษะของ ด.ต.วิภาคย์ อย่างแรงจน ด.ต.วิภาคย์ ล้มฟุบสลบแน่นิ่งคาที่ นายอิสระพงศ์พยายามจะเข้าไปทำร้าย ด.ต.วิภาคย์ซ้ำแต่ญาติๆ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาห้ามและช่วยกันจับดึงเจ้านาคอิสระพงศ์เอาไว้ จากนั้นพลเมืองดีได้นำ ด.ต.วิภาคย์ ส่งโรงพยาบาลพรหมคีรี และส่งต่อมายังโรงพยาบาลนครคริสเตียน ก่อนนำไปตรวจเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลมหาราชดังกล่าว โดยญาติๆ ของ ด.ต.วิภาคย์ ได้เข้าแจ้งความไว้ต่อ ร.ต.ท.ชำนาญ รัตน์มณี ร้อยเวร สภ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราชแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของ ด.ต.วิภาคย์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า นายอิสระพงศ์ อนุฤทธิ์ จัดเป็นขาใหญ่วัยโจ๋ต้องคดีร่วมกับพวก 7-8 คน ฆ่าคนตายถูกจับกุมดำเนินคดีและศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 15 ปี อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีชั้นศาลอุทธรณ์ ถือว่าเข้าข่ายต้องห้ามบรรพชาหรืออุปสมบทในพุทธศาสนา แต่พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส วัดเขาขุนพนม กลับพยายามบวชให้นายอิสระพงศ์ให้ได้ โดยหลังจากพระอุปัชฌาย์รูปแรกทราบข้อเท็จจริงและไม่ยอมบวชให้ พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กลับไปนำพระอุปัชฌาย์จากต่างพื้นที่ คือจาก อ.ฉวาง มาทำพิธีบวชให้นายอิสระพงศ์จนสำเร็จ โดยไม่สนใจคำครหาวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ในขณะนี้นายอิสระพงศ์ห่มจีวรจำพรรษาอยู่ในวัดเขาขุนพนม
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทั้งการทำผิดกฎศาสนา และกระทำผิดกฎหมายอาญาของบ้านเมือง กรณีที่ใช้ขวดน้ำอัดลมตีศีรษะ ด.ต.วิภาคย์ จนสลบแน่นิ่งต้องหามส่งโรงพยาบาลถือว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรืออาจจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กลับไปตามหาพระอุปัชฌาย์จากต่างพื้นที่มาทำพิธีบวชให้นายอิสระพงศ์ จนสำเร็จ แต่ผมมองว่าแม้นายอิสระพงศ์ จะห่มจีวรแต่คงไม่ถือว่าเป็นพระอย่างสมบูรณ์ เพราะเป็นบุคคลต้องห้ามมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวัดเขาขุนพนม ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นวัดที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยา เดินทางมาทำพิธีบวงสรวงแก้เคล็ดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีการยิงสลุต 21 นัด จนเป็นข่าวฉาวโฉ่เมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (1 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครคริสเตียน อ.เมืองนครศรีธรรมราชได้นำ ด.ต.วิภาคย์ โตถาวร อายุ 55 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ไปทำการตรวจเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลมหาราช หลังจากที่ ด.ต.วิภาคย์ ถูกทำร้ายโดยถูกทุบตีด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะจนแตก สมองได้รับความกระทบกระเทือนและถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครคริสเตียน เมื่อเย็นวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากโรงพยาบาลมหาราชทำการเอกซเรย์สมองของ ด.ต.วิภาคย์ เรียบร้อยแล้ว ทางโรงพยาบาลนครคริสเตียน ได้นำ ด.ต.วิภาคย์ กลับมานอนพักฟื้นรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลคริสเตียน โดยมีญาติๆ ของ ด.ต.วิภาคย์ จำนวนมากมาเฝ้าอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง และมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ ด.ต.วิภาคย์ ถูกทำร้ายร่างกายจนต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างกว้างขวาง โดยทราบว่า ด.ต.วิภาคย์ ถูกเจ้านาคใช้ขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตรตีศีรษะจนสลบแน่นิ่งคาโบสถ์วัดเขาขุนพนม หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เมื่อตอนสายของวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
ญาติคนหนึ่งของ ด.ต.วิภาคย์ เปิดเผยว่า เมื่อตอนสายของวันที่ 31 พ.ค.51 ที่ผ่านมานั้น ภายในโบสถ์วัดเขาขุนพนม ท้องที่หมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กำลังประกอบพิธีอุปสมบทให้แก่ นายอิสระพงศ์ อนุฤทธิ์ อายุ 21 ปี หลานชายของนายนิภา ฝั่งชลจิตต์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพรหมโลก อ.พรหมคีรี โดยมีญาติมิตรจำนวนมากเข้าร่วมพีอยู่ในโบสถ์ ในช่วงดังกล่าว ด.ต.วิภาคย์ โตถาวร ผู้บาดเจ็บได้เข้าไปร้องคัดค้านการอุปสมบทของนายอิสระพงศ์
โดยแจ้งต่อพระอุปัชฌาย์ว่า นายอิสระพงศ์เป็นบุคคลต้องห้ามไม่สามารถบวชในบวรพุทธศาสนาได้ เนื่องจากนายอิสระพงศ์เป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จนถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 15 ปี และอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์
“เมื่อทราบดังนั้น พระอุปัชฌาย์จึงได้ชี้แจงกับนาคอิสระพงศ์ และญาติๆ ว่าผู้ที่ต้องห้ามไม่สามารถอุปสมบทได้ตามพุทธบัญญัติ และกฎระเบียบศาสนาพุทธมีอยู่ 7 ประการคือ 1.เป็นคนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 2.เป็นคนหลบหนีราชการ 3.เป็นคนต้องหาในคดีอาญา 4.เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 5.เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา 6.เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่น วัณโรค ในระยะอันตราย 7.เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ สิ่งต่างๆ ข้างต้นจะมีเขียนถามไว้ในใบสมัครขอบวชซึ่งต้องไปเขียนที่วัดนั้นๆ ที่จะบวช”
ในกรณีของนายอิสระพงศ์เข้าข่ายต้องห้ามอย่างชัดเจน แต่ในใบสมัครบวชกลับระบุข้อมูลที่เป็นเท็จ ในฐานะพระอุปัชฌาย์จึงไม่ขอทำพิธีอุปสมบทให้แก่นายอิสระพงศ์ หลังชี้แจงเสร็จพระอุปัชฌาย์ได้เดินทางกลับไป ท่ามกลางคงวามไม่พอใจและโกรธแค้นของนายอิสระพงศ์ และญาติๆ นายอิสระพงศ์ซึ่งอยู่ในชุดเจ้านาคได้เดินออกมาจากโบสถ์ตามหา ด.ต.วิภาคย์ จนพบ ด.ต.วิภาคย์ ยืนอยู่หน้าโบสถ์
นาคอิสระพงศ์จึงหยิบขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตร ตรงเข้าไปตีที่ศีรษะของ ด.ต.วิภาคย์ อย่างแรงจน ด.ต.วิภาคย์ ล้มฟุบสลบแน่นิ่งคาที่ นายอิสระพงศ์พยายามจะเข้าไปทำร้าย ด.ต.วิภาคย์ซ้ำแต่ญาติๆ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาห้ามและช่วยกันจับดึงเจ้านาคอิสระพงศ์เอาไว้ จากนั้นพลเมืองดีได้นำ ด.ต.วิภาคย์ ส่งโรงพยาบาลพรหมคีรี และส่งต่อมายังโรงพยาบาลนครคริสเตียน ก่อนนำไปตรวจเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลมหาราชดังกล่าว โดยญาติๆ ของ ด.ต.วิภาคย์ ได้เข้าแจ้งความไว้ต่อ ร.ต.ท.ชำนาญ รัตน์มณี ร้อยเวร สภ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราชแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของ ด.ต.วิภาคย์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า นายอิสระพงศ์ อนุฤทธิ์ จัดเป็นขาใหญ่วัยโจ๋ต้องคดีร่วมกับพวก 7-8 คน ฆ่าคนตายถูกจับกุมดำเนินคดีและศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 15 ปี อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีชั้นศาลอุทธรณ์ ถือว่าเข้าข่ายต้องห้ามบรรพชาหรืออุปสมบทในพุทธศาสนา แต่พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส วัดเขาขุนพนม กลับพยายามบวชให้นายอิสระพงศ์ให้ได้ โดยหลังจากพระอุปัชฌาย์รูปแรกทราบข้อเท็จจริงและไม่ยอมบวชให้ พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กลับไปนำพระอุปัชฌาย์จากต่างพื้นที่ คือจาก อ.ฉวาง มาทำพิธีบวชให้นายอิสระพงศ์จนสำเร็จ โดยไม่สนใจคำครหาวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน ในขณะนี้นายอิสระพงศ์ห่มจีวรจำพรรษาอยู่ในวัดเขาขุนพนม
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทั้งการทำผิดกฎศาสนา และกระทำผิดกฎหมายอาญาของบ้านเมือง กรณีที่ใช้ขวดน้ำอัดลมตีศีรษะ ด.ต.วิภาคย์ จนสลบแน่นิ่งต้องหามส่งโรงพยาบาลถือว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรืออาจจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่พระครูสังฆรักษ์ปิยธโร เจ้าอาวาส กลับไปตามหาพระอุปัชฌาย์จากต่างพื้นที่มาทำพิธีบวชให้นายอิสระพงศ์ จนสำเร็จ แต่ผมมองว่าแม้นายอิสระพงศ์ จะห่มจีวรแต่คงไม่ถือว่าเป็นพระอย่างสมบูรณ์ เพราะเป็นบุคคลต้องห้ามมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวัดเขาขุนพนม ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเป็นวัดที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยา เดินทางมาทำพิธีบวงสรวงแก้เคล็ดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีการยิงสลุต 21 นัด จนเป็นข่าวฉาวโฉ่เมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา