คนร้ายควงมีดบุกเดี่ยวจี้ชิงทองหน้าตลาดดาวคะนอง ชักมีดจี้อาม่าเจ้าของร้านวัย 60 แล้วกวาดทองเส้นละ 1 บาท รวม 24 เส้น วิ่งหลบหนีออกจากร้าน หมายไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดซุ่มอยู่ในปัมน้ำมันหลบหนี แต่อาม่าตั้งสติทัน กดสัญญาณเตือนภัยดังลั่น พลเมืองดี และดาบตำรวจสายตรวจเห็นเหตุการณ์ ขี่ จยย.พุ่งชนจนสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้ พร้อมของกลาง แต่ดันหายไป 1 เส้น ตำรวจเชื่อตกหล่นหายระหว่างที่คนร้ายวิ่งหลบหนี
วันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ สน.บุคคโล พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช พ.ต.อ.จิตติ รอดบางยาง พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี ผกก.สน.บุคคโล แถลงการจับกุม นายจีรวัฒน์ กริมเขียว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ต.วังหมัน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 1 บาท รวม 23 เส้น มูลค่า 300,000 บาท มีดทำครัวปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีดำแดง ทะเบียน ลวข 703 กทม.1 คัน
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ นายจีรวัฒน์ ได้เข้าไปในร้านทองสีฟ้าดี เลขที่ 1113 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดดาวคะนอง หลังจากนั้น ได้ทำทีขอซื้อทองคำรูปพรรณหนักเส้นละ 1 บาท จาก น.ส.สุรีรัตน์ เหล่าวิสุทธิชัย อายุ 60 ปี เจ้าของร้าน โดยเมื่อ น.ส.สุรีรัตน์ หยิบทองออกมาจากตู้โชว์ นายจีรวัฒน์ ได้ผลัก น.ส.สุรีรัตน์ ให้เข้าไปด้านใน พร้อมทั้งชักอาวุธมีดออกมาจี้ ทำให้ น.ส.สุรีรัตน์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกซ้าย จากนั้น นายจีรวัฒน์ ได้กวาดรวบทองคำเส้นละ 1 บาท รวมทั้งหมด 24 เส้น ใส่กระเป๋ากางเกงตนเอง แล้ววิ่งหลบหนีออกไปจากร้านทันที
พล.ต.ท.อัศวิน แถลงต่อว่า หลังจากที่ นายจีรวัฒน์ วิ่งหลบหนีออกไปจากร้านแล้ว น.ส.สุรีรัตน์ จึงได้กดสัญญาณเตือนภัยของร้านขึ้น ส่งผลให้เสียงไซเลนดังสนั่นทั่วบริเวณเป็นวงกว้าง และขณะนั้นเอง นายปรารถนา บาทบันลือ อาสาสมัครของ บก.น.2 ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณดังกล่าว ได้ยินเสียงสัญญาณดังขึ้น พร้อมทั้งเห็นผู้ต้องหาถือมีดวิ่งออกมาจากร้านทอง จึงเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ติตามคนร้ายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ ด.ต.สุรพล วิละคร ผบ.หมู่ ป.ตำรวจสายตรวจ สน.สำเหร่ ที่ออกเวรปฏิบัติหน้าที่แล้ว ขี่รถจักรยานยนต์อีกคันมาประสบเหตุ จึงได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ติดตามคนร้ายไปจนถึงบริเวณปากซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 40 ใกล้ห้างบิ๊กซี ด.ต.สุรพล จึงตัดสินใจเร่งเครื่องรถพุ่งเข้าชนคนร้ายจนล้มลงกับพื้น จากนั้น ทั้ง ด.ต.สุรพล และ นายปรารถนา ได้ช่วยกันเข้าจับกุมคนร้ายไว้ได้ พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำจำนวน 23 เส้น อยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายของผู้ต้องหา นอกจากนี้ ตำรวจยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหา จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันบางจาก ใกล้ห้างบิ๊กซี สาขาดาวคะนอง ด้วย
ผบช.น.กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำ นายจีรวัฒน์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเป็นโฟร์แมน บริษัทแห่งหนึ่งย่านราชเทวี แต่ปัจจุบันตกงาน ไม่มีเงิน และยังเป็นหนี้อีกจำนวน 20,000 บาท อีกทั้งยังต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกอีก 1 คน ในวันนี้ จึงได้วางแผนและขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมันบางจาก และเดินไปดูลาดเลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือจี้ชิงทองที่ร้านดังกล่าว จนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี ผกก.สน.บุคคโล กล่าวว่า จาากการตรวจสอบกับเจ้าของร้านทอง ยืนยันว่า คนร้าย ชิงทองคำรูปพรรณหนักเส้นละ 1 บาท ไปทั้งหมด 24 เส้น แต่เมื่อตำรวจค้นตัวผู้ต้องหาแล้ว พบเพียง 23 เส้น คาดว่า อีก 1 เส้นที่หายไป คนร้ายอาจทำตกหล่นระหว่างที่วิ่งหลบหนี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายจีรวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้นั้น เคยถูกจับกุมในคดีวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่จ.นนทบุรี และต้องโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี แต่ก็ยังมาก่อเหตุอีก ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ก่อนที่จะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
วันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ สน.บุคคโล พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช พ.ต.อ.จิตติ รอดบางยาง พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี ผกก.สน.บุคคโล แถลงการจับกุม นายจีรวัฒน์ กริมเขียว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ต.วังหมัน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 1 บาท รวม 23 เส้น มูลค่า 300,000 บาท มีดทำครัวปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีดำแดง ทะเบียน ลวข 703 กทม.1 คัน
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ นายจีรวัฒน์ ได้เข้าไปในร้านทองสีฟ้าดี เลขที่ 1113 ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดดาวคะนอง หลังจากนั้น ได้ทำทีขอซื้อทองคำรูปพรรณหนักเส้นละ 1 บาท จาก น.ส.สุรีรัตน์ เหล่าวิสุทธิชัย อายุ 60 ปี เจ้าของร้าน โดยเมื่อ น.ส.สุรีรัตน์ หยิบทองออกมาจากตู้โชว์ นายจีรวัฒน์ ได้ผลัก น.ส.สุรีรัตน์ ให้เข้าไปด้านใน พร้อมทั้งชักอาวุธมีดออกมาจี้ ทำให้ น.ส.สุรีรัตน์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกซ้าย จากนั้น นายจีรวัฒน์ ได้กวาดรวบทองคำเส้นละ 1 บาท รวมทั้งหมด 24 เส้น ใส่กระเป๋ากางเกงตนเอง แล้ววิ่งหลบหนีออกไปจากร้านทันที
พล.ต.ท.อัศวิน แถลงต่อว่า หลังจากที่ นายจีรวัฒน์ วิ่งหลบหนีออกไปจากร้านแล้ว น.ส.สุรีรัตน์ จึงได้กดสัญญาณเตือนภัยของร้านขึ้น ส่งผลให้เสียงไซเลนดังสนั่นทั่วบริเวณเป็นวงกว้าง และขณะนั้นเอง นายปรารถนา บาทบันลือ อาสาสมัครของ บก.น.2 ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณดังกล่าว ได้ยินเสียงสัญญาณดังขึ้น พร้อมทั้งเห็นผู้ต้องหาถือมีดวิ่งออกมาจากร้านทอง จึงเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ติตามคนร้ายไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ ด.ต.สุรพล วิละคร ผบ.หมู่ ป.ตำรวจสายตรวจ สน.สำเหร่ ที่ออกเวรปฏิบัติหน้าที่แล้ว ขี่รถจักรยานยนต์อีกคันมาประสบเหตุ จึงได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ติดตามคนร้ายไปจนถึงบริเวณปากซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 40 ใกล้ห้างบิ๊กซี ด.ต.สุรพล จึงตัดสินใจเร่งเครื่องรถพุ่งเข้าชนคนร้ายจนล้มลงกับพื้น จากนั้น ทั้ง ด.ต.สุรพล และ นายปรารถนา ได้ช่วยกันเข้าจับกุมคนร้ายไว้ได้ พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำจำนวน 23 เส้น อยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายของผู้ต้องหา นอกจากนี้ ตำรวจยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหา จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันบางจาก ใกล้ห้างบิ๊กซี สาขาดาวคะนอง ด้วย
ผบช.น.กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำ นายจีรวัฒน์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเป็นโฟร์แมน บริษัทแห่งหนึ่งย่านราชเทวี แต่ปัจจุบันตกงาน ไม่มีเงิน และยังเป็นหนี้อีกจำนวน 20,000 บาท อีกทั้งยังต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกอีก 1 คน ในวันนี้ จึงได้วางแผนและขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมันบางจาก และเดินไปดูลาดเลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือจี้ชิงทองที่ร้านดังกล่าว จนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี ผกก.สน.บุคคโล กล่าวว่า จาากการตรวจสอบกับเจ้าของร้านทอง ยืนยันว่า คนร้าย ชิงทองคำรูปพรรณหนักเส้นละ 1 บาท ไปทั้งหมด 24 เส้น แต่เมื่อตำรวจค้นตัวผู้ต้องหาแล้ว พบเพียง 23 เส้น คาดว่า อีก 1 เส้นที่หายไป คนร้ายอาจทำตกหล่นระหว่างที่วิ่งหลบหนี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายจีรวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้นั้น เคยถูกจับกุมในคดีวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่จ.นนทบุรี และต้องโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี แต่ก็ยังมาก่อเหตุอีก ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ก่อนที่จะควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป