ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทำให้ ปริมาณสัตว์น้ำที่ขึ้นเทียบท่าเรือประมงภูเก็ตลดลง เหตุเรือประมงงดจับปลา ขณะที่เรือประมงทูน่าต่างชาติ หันไปเข้าเทียบท่าที่ประเทศศรีลังกากันมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าน้ำมันในการเดินทาง ใกล้แหล่งจับปลา
นายประมวล รักษ์ใจ ผู้อำนวยการกองท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การนำสัตว์น้ำมาขึ้นที่ท่าเรือประมงภูเก็ต ว่า ขระนี้ผู้ประกอบการเรือประมงในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ การเข้าเทียบท่าของเรือประมงไทย และเรือประมงต่างชาติ ที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตไม่คึกคักเหมือนก่อน เนื่องจากจำนวนเรือที่ออกไปจับปลามีจำนวนน้อยลงทำให้เรือที่นำปลามาขึ้นที่ท่าลดน้อยลงไปด้วยปัจจุบันการขึ้นปลาที่ท่าเรือแค่ช่วงสายๆก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปกติแม้จะเป็นเวลาช่วงเที่ยงแต่ยังคงมีเรือจำนวนมากนำปลาขึ้นเทียบท่า
สาเหตุที่ จำนวนเรือประมงและสัตว์น้ำที่ผ่านท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตลดลง มาจากราคาน้ำมันแพงที่ทำให้เรืออวนลากบางส่วนหยุดทำประมง ปัจจัยอีกตัวคือ เรือประมงจับสัตว์น้ำได้น้อยเนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลลดลง และปีนี้มรสุมในฝั่งทะเลอันดามันมาเร็วกว่าปกติ
นายประมวล ยังได้กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ เรือประมงเบ็ดราวทูน่าที่มาจากประเทศไต้หวัน ซึ่งเคยเข้าเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ต พบว่าในช่วงนี้เข้าจอดเทียบลดลงเช่นกัน สาเหตุเนื่องจากจากราคาค้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจึงหันไปใช้บริการท่าเทียบเรือในศรีลังกาแทน ประกอบกับ ทางศรีลังกามีมาตรการจูงใจ และอยู่ใกล้กับแหล่งหาปลา ทั้งนี้จากตัวเลขปริมาณสัตว์น้ำ ในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2551นี้ ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม 2551 มีปริมาณสัตว์น้ำมาขึ้นที่ท่ารวม 6,900 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณ 11,000 ตันหรือลดลงปริมาณ 30 %
ขณะที่ส่วนผู้ประกอบการเรือประมงแพปลา ส.พรชัยนาวี นางสมพร จตุภุช ยอบรับว่า ขณะนี้เรือประมงแต่ละลำ ต้องแบกรับต้นทุนกว่า 3 เท่าตัว คิดเป็นเงินเกือบ 1 ล้านบาทสำหรับการออกเรือแต่ละครั้ง ขณะที่การรับซื้อปลาของโรงงานและพ่อค้า ยังอยู่ในราคาเดิม จึงขอให้ภาครัฐช่วยเหลือทั้งการขึ้นราคารับซื้อปลา และพยุงราคาน้ำมันดีเซล
ด้าน สมพร จตุภุช ผู้ประกอบการเรือประมง ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า มาตรการน้ำมันม่วงของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือเรือประมงนั้นผู้ประกอบการบอกว่า จะเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน แต่ต้องดูถึงความคุ้มค่ากับต้นทุนเช่นกัน เพราะถ้าหากราคาน้ำมันดีเซลยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะจำเป็นต้องหยุดออกหาปลา
นายประมวล รักษ์ใจ ผู้อำนวยการกองท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การนำสัตว์น้ำมาขึ้นที่ท่าเรือประมงภูเก็ต ว่า ขระนี้ผู้ประกอบการเรือประมงในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ การเข้าเทียบท่าของเรือประมงไทย และเรือประมงต่างชาติ ที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตไม่คึกคักเหมือนก่อน เนื่องจากจำนวนเรือที่ออกไปจับปลามีจำนวนน้อยลงทำให้เรือที่นำปลามาขึ้นที่ท่าลดน้อยลงไปด้วยปัจจุบันการขึ้นปลาที่ท่าเรือแค่ช่วงสายๆก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปกติแม้จะเป็นเวลาช่วงเที่ยงแต่ยังคงมีเรือจำนวนมากนำปลาขึ้นเทียบท่า
สาเหตุที่ จำนวนเรือประมงและสัตว์น้ำที่ผ่านท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตลดลง มาจากราคาน้ำมันแพงที่ทำให้เรืออวนลากบางส่วนหยุดทำประมง ปัจจัยอีกตัวคือ เรือประมงจับสัตว์น้ำได้น้อยเนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลลดลง และปีนี้มรสุมในฝั่งทะเลอันดามันมาเร็วกว่าปกติ
นายประมวล ยังได้กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ เรือประมงเบ็ดราวทูน่าที่มาจากประเทศไต้หวัน ซึ่งเคยเข้าเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ต พบว่าในช่วงนี้เข้าจอดเทียบลดลงเช่นกัน สาเหตุเนื่องจากจากราคาค้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจึงหันไปใช้บริการท่าเทียบเรือในศรีลังกาแทน ประกอบกับ ทางศรีลังกามีมาตรการจูงใจ และอยู่ใกล้กับแหล่งหาปลา ทั้งนี้จากตัวเลขปริมาณสัตว์น้ำ ในไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2551นี้ ระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม 2551 มีปริมาณสัตว์น้ำมาขึ้นที่ท่ารวม 6,900 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณ 11,000 ตันหรือลดลงปริมาณ 30 %
ขณะที่ส่วนผู้ประกอบการเรือประมงแพปลา ส.พรชัยนาวี นางสมพร จตุภุช ยอบรับว่า ขณะนี้เรือประมงแต่ละลำ ต้องแบกรับต้นทุนกว่า 3 เท่าตัว คิดเป็นเงินเกือบ 1 ล้านบาทสำหรับการออกเรือแต่ละครั้ง ขณะที่การรับซื้อปลาของโรงงานและพ่อค้า ยังอยู่ในราคาเดิม จึงขอให้ภาครัฐช่วยเหลือทั้งการขึ้นราคารับซื้อปลา และพยุงราคาน้ำมันดีเซล
ด้าน สมพร จตุภุช ผู้ประกอบการเรือประมง ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า มาตรการน้ำมันม่วงของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือเรือประมงนั้นผู้ประกอบการบอกว่า จะเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน แต่ต้องดูถึงความคุ้มค่ากับต้นทุนเช่นกัน เพราะถ้าหากราคาน้ำมันดีเซลยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะจำเป็นต้องหยุดออกหาปลา
